อะไรคือคนดี

อะไรคือคนดี

 

 

 

                    อย่าคิดว่าการเป็นคนดี คือการอดทนหรือยอมคนอื่นไปเสียทุกอย่าง   บางครั้งก็ต้องพูดออกมาบ้าง   เพื่อให้ผู้ที่ท่านมีใจเป็นธรรมได้รับรู้ปัญหา จะได้ช่วยคิดอ่านแก้ไข


                    บางครั้งการสรุปเอาเองตามลำพังว่าเราทำดีอยู่แล้ว  ผู้ใหญ่หรือเจ้านายก็ต้องมองเห็นเองไม่ต้องพูดอะไร  หากการคิดเช่นนั้นเป็นการถือดีหรือมีทิฐิมานะอยู่ลึกๆ  ที่สติไม่รู้เท่าทันตัวเอง  การไม่บอกไม่กล่าวไม่รายงานผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเหนือตัวเราขึ้นไป  จะกลายเป็นการบั่นทอนกำลังใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง  กลายเป็นคนเคียดแค้นผู้ใหญ่หรือเจ้านายว่าไม่ให้ความเป็นธรรมโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์  แล้วจะกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายตามมาอย่างน่าเสียดาย


                  คนที่ชอบเอาเปรียบ เจ้าเล่ห์ หรือช่างประจบ  เขาก็มีคุณสมบัติพิเศษประการหนึ่ง คือการกล้าเข้าหาผู้ใหญ่ ช่างรู้จักพินอบพิเทา ช่างดูอ่อนน้อมถ่อมตนเสียยิ่งนัก  ผู้ใหญ่หรือเจ้านายส่วนใหญ่จึงมักเสียหลักเพราะทนต่อความช่างพินอบพิเทาของเขาไม่ไหว  การแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน พยายามเอาอกเอาใจ  แม้ใครๆจะรู้ว่าบางทีก็เสแสร้งไม่ใช่ความจริงใจ  แต่ผู้หลักผู้ใหญ่หรือเจ้านายก็มักจะชอบใจและนึกเอ็นดูผู้ช่างประจบประแจง


                   คนที่ทำงานจริงจัง  มีความรับผิดชอบสูงอยู่ในตัว  จึงมักแพ้พ่ายคนหัวประจบสอพลอพินอบพิเทาที่ชอบเอาเปรียบหรือกินแรงของคนอื่น  สิ่งที่แพ้พ่ายนั้น  ไม่ใช่การแพ้พ่ายความดีอย่างที่ผู้คนทั้งหลายมักเข้าใจกัน  สิ่งที่คนดีมีความรับผิดชอบต้องแพ้พ่ายคือการอ่อนน้อมถ่อมตนการช่างเอาอกเอาใจ ช่างสรรหาคำพูดมาให้ผู้ใหญ่หรือเจ้านายบันเทิงใจ  ซึ่งไม่ใช่แพ้พ่ายความดีอะไร  แต่พ่ายแพ้วิธีการเอาอกเอาใจและการพินอบพิเทาของเขาต่างหาก


                     คนดีมีความรับผิดชอบไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ทำงานใด  จึงมักเสียศูนย์แทบจะเป็นบ้าตายเพราะความหมั่นไส้ต่อพวกหัวประจบ  คนดีมีความรับผิดชอบแต่ปล่อยวางไม่เป็นและขาดที่พึ่งทางจิตใจ ไปวัดทำบุญแต่ดวงจิตยังเข้าไม่ถึงศรัทธาในพระรัตนตรัย จึงมักได้ไปโรงพยาบาลจิตเวชกันมากมาย  เพราะการมองโลกในแง่ร้ายว่าทำดีแทบตายแล้วไม่เห็นจะได้ดี


                      บางทีก็พาลพาโลไปถึงครูบาอาจารย์โน่นเลยว่าจะสอนเรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วไปทำไมก็ไม่รู้   ก็มองเห็นอยู่โทนโท่ว่าเจ้าคนนั้น ยายคนนี้ วันๆไม่เห็นทำความดีอะไร  แต่ก็เห็นร่ำรวยหรือได้ดีไม่หยุดหย่อน  ส่วนเราทำอะไรมากมายแทบไม่ได้นอน  แต่ก็ไม่เห็นได้ดีอะไรมานานนม


                     จากเป็นคนเคยสงบเยือกเย็นมีเมตตาหมั่นทำความดีอยู่ดีๆแท้ๆ  ก็เกิดวิปริตผันแปรเผลอสติปรามาสหรือลบหลู่ “กฎแห่งกรรม”ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนจนเลยเถิดไปยกใหญ่  ลบหลู่ครูบาอาจารย์แล้วยังไม่พอ ยังเตลิดเผลอไปลบหลู่คุณความดีด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ แล้วก็พูดประชดด้วยความเหลืออดว่า “จะทำดีไปทำไม  ทำดีมาแทบตาย  ไม่เห็นได้ดีซักที”


                      ทุกคนต่างก็อยากได้ชื่อว่าเป็นคนดี  แต่ถ้าถามว่า “แล้วอะไรคือคนดี” ทุกคนจะรู้สึกว่าช่างตอบได้ยากเต็มทีสำหรับคำถามนี้ คนดีไม่ใช่การยอมคนไปทุกอย่างไม่รู้เหนือใต้  แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่การไม่ยอมก้มหัวให้ใคร  คนดีไม่ใช่ใครจะทำชั่วทำเลวก็ทำไป  ฉันไม่เกี่ยวไม่สนใจ เพราะถือว่าฉันได้ปฏิบัติธรรมชั้นสูงคือปล่อยวาง  แต่นั่นคือวิสัยของพระอรหันต์ท่าน  หาใช่วิสัยของพวกเราที่ยังต้องการร่ำรวยหรือก้าวหน้า ต้องประกอบอาชีพหาเงินเลี้ยงครอบครัว


                      การเป็นผู้มีสัมมาทิฐิมุ่งหน้าสร้างกรรมดี  มีความรับผิดชอบ โดยไม่คิดเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งประเสริฐอยู่ในตัวแล้ว   จงพากเพียรหมั่นบำรุงรักษา “รากแก้ว” ของเราไว้ให้ดีอย่าให้ใครมามีอิทธิพลโยกโคลงทำลายรากแก้วคือสัมมาทิฐินี้ของเราได้


                      คนเอาเปรียบคน เจ้าเล่ห์  กินแรงคนอื่นหรือรักความสบาย  เขาก็อาจได้รับความเมตตาจากเจ้านายบ้างตามความพากเพียรในการรู้วิธีประจบเอาใจของเขา  แต่เจ้านายที่มีใจเป็นธรรมก็จะมองออกแล้วก็เล่นขายของกับเขาไป  แต่ในหัวใจของท่านย่อมจะรู้ว่าใครเป็นคนทำงานจริง


                       หากเราเป็นผู้น้อยหรือเป็นลูกน้องของใคร  จงหมั่นไว้วางใจและมองเจ้านายในแง่บวกไว้เสมอ กุศลจิตที่มีความเคารพต่อผู้ใหญ่หรือเจ้านายเช่นนี้ จะช่วยหนุนส่งให้เราเจริญก้าวหน้าชนิดที่หลายคนยากจะเข้าใจ การมองเจ้านายหรือผู้หลักผู้ใหญ่ด้วยสายตาแห่งความชื่นชมในคุณธรรมและความสามารถของท่าน  จะเกิดอานิสงส์ให้เราได้กลายเป็นเจ้านายหรือเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีคุณธรรมและได้ลูกน้องที่ดีในภายหน้าในวันหนึ่ง  เช่นเดียวกับที่เราได้ปฏิบัติตัวต่อเจ้านายมาก่อน นี้คือการให้ผลแห่งกรรมดีที่สลับซับซ้อนของชีวิตมนุษย์แต่ละคน


                       อย่าคิดว่าเราเก่งกว่าเจ้านายหรือตีเสมอเป็นอันขาด  จงมีความเคารพอ่อนน้อมถ่อมตนไว้เป็นหลัก   อย่าเพิ่งแสดงความสามารถ ถ้าหากเรามีเจ้านายที่ใจคอไม่ค่อยกว้างขวางหรือมีความสามารถน้อยกว่าที่คิดไว้  ดาบที่คมกริบบางครั้งก็ต้องซ่อนไว้ในฝักอย่าเพิ่งฟันออกไป  รอจนกว่าจะถึงเวลาค่อยฟันทีเดียวขาดกระเด็นอย่างปราศจากความลังเล


                        หากเรามีความสามารถบางอย่างเหนือกว่าเจ้านาย  จงเอาความสามารถนั้นส่งเสริมและให้กำลังใจแก่เจ้านาย   บุคคลใดที่สามารถทำได้เช่นนี้ จะมีอานิสงส์ย้อนกลับคืนสู่ชีวิตของตนเองให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองอย่างคาดไม่ถึง  แม้ในวันนี้เขาอาจเป็นเพียงเสมียนหรือเด็กส่งเอกสาร  แต่เขาจะเป็นคนหนึ่งที่ได้เป็นเจ้าของกิจการหรืออยู่ในฐานะเป็นเจ้านายของคนอื่นอย่างมีคุณธรรมในอนาคต  จากดินที่ต้อยต่ำเป็นดาวจรัสฟ้าปรากฏแก่สายตาของผู้คน


                      การพินอบพิเทาหรือการประจบสอพลอ  ก็เป็นเพียงการทำความดีแบบการตำข้าวสารกรอกหม้อพอประทังชีวิตไปแต่ละวันเท่านั้น   แต่สำหรับบุคคลที่จะสร้างชีวิตของตนให้เป็นหลักฐาน  ก็ล้วนต้องเริ่มต้นที่การเป็นคนเอาการเอางาน  มีความรับผิดชอบ  และการรู้จักเสียสละไม่คิดเอาเปรียบคนอื่น อันเป็นพื้นฐานของความเจริญก้าวหน้าที่แท้จริงในชีวิตทั้งสิ้น


                       คนที่เอาแต่ประจบเอาใจหาความดีความชอบเข้าใส่ตัว  ชีวิตก็มักจะได้เป็นแต่ลูกน้องคนอื่นเรื่อยไป   ส่วนคนที่ทำความดีอย่างจริงจัง  แม้อาจจะน้อยใจ เสียใจเพราะเหมือนไม่มีคนสนใจ  แต่นั่นแหละคือการหยิบฉวยเอาสาระของชีวิตไว้ได้  จึงพบกับชีวิตที่มั่นคงและยั่งยืน


                       เมื่อเขาฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนามอย่างไม่ย่อท้อต่อไป  ก็จะกลายเป็นอาเสี่ยหรือกลายเป็นเจ้านายของคนอื่น  เพราะผลแห่งความอุตสาหะอดทนและความพากเพียรได้ส่งผล    เมื่อต้นกล้าแห่งความดีได้ปุ๋ยและน้ำฝนก็เติบโตเจริญงอกงาม


                        บุคคลผู้ตั้งมั่นที่จะกระทำบำเพ็ญความดีนั้น   ไม่พึงไปใส่ใจการประจบสอพลอของคนอื่นหรือความชั่วความเลวของใครเขา  อย่าปล่อยใจไปโกรธเกลียดหรือาฆาตมาดร้าย เพราะอกุศลจิตนั้นจะย้อนกลับมาบั่นทอนจิตใจเรา  หากเห็นว่าบางเรื่องต้องนำเรียนผู้ใหญ่หรือเจ้านายได้รับทราบปัญหาไว้  เราก็ต้องกล้าทำหรือกล้าเปลืองตัวบ้าง หากเรามั่นใจแล้วว่าเราทำเพื่อส่วนรวมและไม่ได้ทำด้วยอคติคิดมุ่งร้ายต่อใคร  แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์และความดีจะคุ้มครอง


                         ผู้เป็นคนจริงทั้งหลาย  พึงทำความเข้าใจชีวิตไว้ประการหนึ่งว่า การที่เขาไม่มีความสามารถพอนั่นเอง เขาจึงต้องใช้การประจบเอาใจผู้ใหญ่เพื่อความอยู่รอดของเขา   คุณสมบัติของการเป็นคนดีมีความรับผิดชอบ ย่อมเป็นสิ่งเหนือกว่าการประจบเอาใจอยู่แล้วในตัว

 
                          เป็นเกลือมีความเค็มอยู่แล้ว  จงรักษาความเค็มของเกลือไว้  อย่าไปเผลอน้อยอกน้อยใจว่าทำไมคนจึงไม่เห็นคุณค่าของเกลือแล้วลดตัวลงไปทำตัวเป็นดินทราย การเล่นดินทรายอย่างสนุกสนานแบบเด็กน้อย  ย่อมเป็นคนละฐานะกันกับการใส่เกลือเพิ่มรสแกง


                          จงทำความดีไปเถิด  แต่อย่าคิดว่าเรานี้เป็นคนดีแล้ว  จงยึดแนวพุทธภาษิตที่ว่า “คนพาลมักมองเห็นแต่โทษของคนอื่น  โทษของตนมองไม่เห็น  ส่วนบัณฑิตไม่ใส่ใจโทษของคนอื่น  แต่จะคอยตรวจสอบและมองเห็นแต่โทษของตนเพื่อปรับปรุงชีวิตของตนให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยไป”


                          อย่าเพิ่งสรุปว่าอันตัวเรานี้ทำความดีเพียงพอแล้ว  จนกว่าจะถึงวันสิ้นลมหายใจ   แล้ว “ความรักอันงดงาม” จะไหลหลั่งเข้าสู่จิตใจ จะเกิดปาฏิหาริย์ในชีวิตอย่างหนึ่ง คือเราเองแม้จะไม่รู้สึกว่าเราเป็นคนดีอะไร  แต่ผู้คนทั้งหลายจะพากันสรรเสริญว่าตัวเราช่างมีคุณธรรมและเป็นคนดีอย่างมากมาย    เพราะว่ายิ่งใจดวงนี้ไร้ความปรารถนา สิ่งต่างๆยิ่งไหลหลั่งมาสู่ชีวิต


                          เมื่อใจมั่นคงในความดีแล้วจะพบคำตอบอย่างหนึ่งว่า เส้นทางแห่งอริยะหาใช่การพยายายามเป็นคนดีอย่างที่ชาวโลกต่างใฝ่ฝัน  แต่คือการมีสติระลึกรู้อยู่เสมอทั้งกลางคืนและกลางวัน  การเป็นคนดีที่จะสงบสุขอย่างแท้จริงนั้น  คือการไม่เป็นทั้งคนดีและคนชั่วนั่นเอง

 

 

                                                                              คุรุอตีศะ
                                                                       ๕  พฤษภาคม  ๒๕๕๘