อะไรคือคนดี
- รายละเอียด
- หมวด: คติธรรม/ปรารภธรรม
อะไรคือคนดี
อย่าคิดว่าการเป็นคนดี คือการอดทนหรือยอมคนอื่นไปเสียทุกอย่าง บางครั้งก็ต้องพูดออกมาบ้าง เพื่อให้ผู้ที่ท่านมีใจเป็นธรรมได้รับรู้ปัญหา จะได้ช่วยคิดอ่านแก้ไข
บางครั้งการสรุปเอาเองตามลำพังว่าเราทำดีอยู่แล้ว ผู้ใหญ่หรือเจ้านายก็ต้องมองเห็นเองไม่ต้องพูดอะไร หากการคิดเช่นนั้นเป็นการถือดีหรือมีทิฐิมานะอยู่ลึกๆ ที่สติไม่รู้เท่าทันตัวเอง การไม่บอกไม่กล่าวไม่รายงานผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเหนือตัวเราขึ้นไป จะกลายเป็นการบั่นทอนกำลังใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง กลายเป็นคนเคียดแค้นผู้ใหญ่หรือเจ้านายว่าไม่ให้ความเป็นธรรมโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้วจะกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายตามมาอย่างน่าเสียดาย
คนที่ชอบเอาเปรียบ เจ้าเล่ห์ หรือช่างประจบ เขาก็มีคุณสมบัติพิเศษประการหนึ่ง คือการกล้าเข้าหาผู้ใหญ่ ช่างรู้จักพินอบพิเทา ช่างดูอ่อนน้อมถ่อมตนเสียยิ่งนัก ผู้ใหญ่หรือเจ้านายส่วนใหญ่จึงมักเสียหลักเพราะทนต่อความช่างพินอบพิเทาของเขาไม่ไหว การแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน พยายามเอาอกเอาใจ แม้ใครๆจะรู้ว่าบางทีก็เสแสร้งไม่ใช่ความจริงใจ แต่ผู้หลักผู้ใหญ่หรือเจ้านายก็มักจะชอบใจและนึกเอ็นดูผู้ช่างประจบประแจง
คนที่ทำงานจริงจัง มีความรับผิดชอบสูงอยู่ในตัว จึงมักแพ้พ่ายคนหัวประจบสอพลอพินอบพิเทาที่ชอบเอาเปรียบหรือกินแรงของคนอื่น สิ่งที่แพ้พ่ายนั้น ไม่ใช่การแพ้พ่ายความดีอย่างที่ผู้คนทั้งหลายมักเข้าใจกัน สิ่งที่คนดีมีความรับผิดชอบต้องแพ้พ่ายคือการอ่อนน้อมถ่อมตนการช่างเอาอกเอาใจ ช่างสรรหาคำพูดมาให้ผู้ใหญ่หรือเจ้านายบันเทิงใจ ซึ่งไม่ใช่แพ้พ่ายความดีอะไร แต่พ่ายแพ้วิธีการเอาอกเอาใจและการพินอบพิเทาของเขาต่างหาก
คนดีมีความรับผิดชอบไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ทำงานใด จึงมักเสียศูนย์แทบจะเป็นบ้าตายเพราะความหมั่นไส้ต่อพวกหัวประจบ คนดีมีความรับผิดชอบแต่ปล่อยวางไม่เป็นและขาดที่พึ่งทางจิตใจ ไปวัดทำบุญแต่ดวงจิตยังเข้าไม่ถึงศรัทธาในพระรัตนตรัย จึงมักได้ไปโรงพยาบาลจิตเวชกันมากมาย เพราะการมองโลกในแง่ร้ายว่าทำดีแทบตายแล้วไม่เห็นจะได้ดี
บางทีก็พาลพาโลไปถึงครูบาอาจารย์โน่นเลยว่าจะสอนเรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วไปทำไมก็ไม่รู้ ก็มองเห็นอยู่โทนโท่ว่าเจ้าคนนั้น ยายคนนี้ วันๆไม่เห็นทำความดีอะไร แต่ก็เห็นร่ำรวยหรือได้ดีไม่หยุดหย่อน ส่วนเราทำอะไรมากมายแทบไม่ได้นอน แต่ก็ไม่เห็นได้ดีอะไรมานานนม
จากเป็นคนเคยสงบเยือกเย็นมีเมตตาหมั่นทำความดีอยู่ดีๆแท้ๆ ก็เกิดวิปริตผันแปรเผลอสติปรามาสหรือลบหลู่ “กฎแห่งกรรม”ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนจนเลยเถิดไปยกใหญ่ ลบหลู่ครูบาอาจารย์แล้วยังไม่พอ ยังเตลิดเผลอไปลบหลู่คุณความดีด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ แล้วก็พูดประชดด้วยความเหลืออดว่า “จะทำดีไปทำไม ทำดีมาแทบตาย ไม่เห็นได้ดีซักที”
ทุกคนต่างก็อยากได้ชื่อว่าเป็นคนดี แต่ถ้าถามว่า “แล้วอะไรคือคนดี” ทุกคนจะรู้สึกว่าช่างตอบได้ยากเต็มทีสำหรับคำถามนี้ คนดีไม่ใช่การยอมคนไปทุกอย่างไม่รู้เหนือใต้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่การไม่ยอมก้มหัวให้ใคร คนดีไม่ใช่ใครจะทำชั่วทำเลวก็ทำไป ฉันไม่เกี่ยวไม่สนใจ เพราะถือว่าฉันได้ปฏิบัติธรรมชั้นสูงคือปล่อยวาง แต่นั่นคือวิสัยของพระอรหันต์ท่าน หาใช่วิสัยของพวกเราที่ยังต้องการร่ำรวยหรือก้าวหน้า ต้องประกอบอาชีพหาเงินเลี้ยงครอบครัว
การเป็นผู้มีสัมมาทิฐิมุ่งหน้าสร้างกรรมดี มีความรับผิดชอบ โดยไม่คิดเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งประเสริฐอยู่ในตัวแล้ว จงพากเพียรหมั่นบำรุงรักษา “รากแก้ว” ของเราไว้ให้ดีอย่าให้ใครมามีอิทธิพลโยกโคลงทำลายรากแก้วคือสัมมาทิฐินี้ของเราได้
คนเอาเปรียบคน เจ้าเล่ห์ กินแรงคนอื่นหรือรักความสบาย เขาก็อาจได้รับความเมตตาจากเจ้านายบ้างตามความพากเพียรในการรู้วิธีประจบเอาใจของเขา แต่เจ้านายที่มีใจเป็นธรรมก็จะมองออกแล้วก็เล่นขายของกับเขาไป แต่ในหัวใจของท่านย่อมจะรู้ว่าใครเป็นคนทำงานจริง
หากเราเป็นผู้น้อยหรือเป็นลูกน้องของใคร จงหมั่นไว้วางใจและมองเจ้านายในแง่บวกไว้เสมอ กุศลจิตที่มีความเคารพต่อผู้ใหญ่หรือเจ้านายเช่นนี้ จะช่วยหนุนส่งให้เราเจริญก้าวหน้าชนิดที่หลายคนยากจะเข้าใจ การมองเจ้านายหรือผู้หลักผู้ใหญ่ด้วยสายตาแห่งความชื่นชมในคุณธรรมและความสามารถของท่าน จะเกิดอานิสงส์ให้เราได้กลายเป็นเจ้านายหรือเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีคุณธรรมและได้ลูกน้องที่ดีในภายหน้าในวันหนึ่ง เช่นเดียวกับที่เราได้ปฏิบัติตัวต่อเจ้านายมาก่อน นี้คือการให้ผลแห่งกรรมดีที่สลับซับซ้อนของชีวิตมนุษย์แต่ละคน
อย่าคิดว่าเราเก่งกว่าเจ้านายหรือตีเสมอเป็นอันขาด จงมีความเคารพอ่อนน้อมถ่อมตนไว้เป็นหลัก อย่าเพิ่งแสดงความสามารถ ถ้าหากเรามีเจ้านายที่ใจคอไม่ค่อยกว้างขวางหรือมีความสามารถน้อยกว่าที่คิดไว้ ดาบที่คมกริบบางครั้งก็ต้องซ่อนไว้ในฝักอย่าเพิ่งฟันออกไป รอจนกว่าจะถึงเวลาค่อยฟันทีเดียวขาดกระเด็นอย่างปราศจากความลังเล
หากเรามีความสามารถบางอย่างเหนือกว่าเจ้านาย จงเอาความสามารถนั้นส่งเสริมและให้กำลังใจแก่เจ้านาย บุคคลใดที่สามารถทำได้เช่นนี้ จะมีอานิสงส์ย้อนกลับคืนสู่ชีวิตของตนเองให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองอย่างคาดไม่ถึง แม้ในวันนี้เขาอาจเป็นเพียงเสมียนหรือเด็กส่งเอกสาร แต่เขาจะเป็นคนหนึ่งที่ได้เป็นเจ้าของกิจการหรืออยู่ในฐานะเป็นเจ้านายของคนอื่นอย่างมีคุณธรรมในอนาคต จากดินที่ต้อยต่ำเป็นดาวจรัสฟ้าปรากฏแก่สายตาของผู้คน
การพินอบพิเทาหรือการประจบสอพลอ ก็เป็นเพียงการทำความดีแบบการตำข้าวสารกรอกหม้อพอประทังชีวิตไปแต่ละวันเท่านั้น แต่สำหรับบุคคลที่จะสร้างชีวิตของตนให้เป็นหลักฐาน ก็ล้วนต้องเริ่มต้นที่การเป็นคนเอาการเอางาน มีความรับผิดชอบ และการรู้จักเสียสละไม่คิดเอาเปรียบคนอื่น อันเป็นพื้นฐานของความเจริญก้าวหน้าที่แท้จริงในชีวิตทั้งสิ้น
คนที่เอาแต่ประจบเอาใจหาความดีความชอบเข้าใส่ตัว ชีวิตก็มักจะได้เป็นแต่ลูกน้องคนอื่นเรื่อยไป ส่วนคนที่ทำความดีอย่างจริงจัง แม้อาจจะน้อยใจ เสียใจเพราะเหมือนไม่มีคนสนใจ แต่นั่นแหละคือการหยิบฉวยเอาสาระของชีวิตไว้ได้ จึงพบกับชีวิตที่มั่นคงและยั่งยืน
เมื่อเขาฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนามอย่างไม่ย่อท้อต่อไป ก็จะกลายเป็นอาเสี่ยหรือกลายเป็นเจ้านายของคนอื่น เพราะผลแห่งความอุตสาหะอดทนและความพากเพียรได้ส่งผล เมื่อต้นกล้าแห่งความดีได้ปุ๋ยและน้ำฝนก็เติบโตเจริญงอกงาม
บุคคลผู้ตั้งมั่นที่จะกระทำบำเพ็ญความดีนั้น ไม่พึงไปใส่ใจการประจบสอพลอของคนอื่นหรือความชั่วความเลวของใครเขา อย่าปล่อยใจไปโกรธเกลียดหรือาฆาตมาดร้าย เพราะอกุศลจิตนั้นจะย้อนกลับมาบั่นทอนจิตใจเรา หากเห็นว่าบางเรื่องต้องนำเรียนผู้ใหญ่หรือเจ้านายได้รับทราบปัญหาไว้ เราก็ต้องกล้าทำหรือกล้าเปลืองตัวบ้าง หากเรามั่นใจแล้วว่าเราทำเพื่อส่วนรวมและไม่ได้ทำด้วยอคติคิดมุ่งร้ายต่อใคร แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์และความดีจะคุ้มครอง
ผู้เป็นคนจริงทั้งหลาย พึงทำความเข้าใจชีวิตไว้ประการหนึ่งว่า การที่เขาไม่มีความสามารถพอนั่นเอง เขาจึงต้องใช้การประจบเอาใจผู้ใหญ่เพื่อความอยู่รอดของเขา คุณสมบัติของการเป็นคนดีมีความรับผิดชอบ ย่อมเป็นสิ่งเหนือกว่าการประจบเอาใจอยู่แล้วในตัว
เป็นเกลือมีความเค็มอยู่แล้ว จงรักษาความเค็มของเกลือไว้ อย่าไปเผลอน้อยอกน้อยใจว่าทำไมคนจึงไม่เห็นคุณค่าของเกลือแล้วลดตัวลงไปทำตัวเป็นดินทราย การเล่นดินทรายอย่างสนุกสนานแบบเด็กน้อย ย่อมเป็นคนละฐานะกันกับการใส่เกลือเพิ่มรสแกง
จงทำความดีไปเถิด แต่อย่าคิดว่าเรานี้เป็นคนดีแล้ว จงยึดแนวพุทธภาษิตที่ว่า “คนพาลมักมองเห็นแต่โทษของคนอื่น โทษของตนมองไม่เห็น ส่วนบัณฑิตไม่ใส่ใจโทษของคนอื่น แต่จะคอยตรวจสอบและมองเห็นแต่โทษของตนเพื่อปรับปรุงชีวิตของตนให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยไป”
อย่าเพิ่งสรุปว่าอันตัวเรานี้ทำความดีเพียงพอแล้ว จนกว่าจะถึงวันสิ้นลมหายใจ แล้ว “ความรักอันงดงาม” จะไหลหลั่งเข้าสู่จิตใจ จะเกิดปาฏิหาริย์ในชีวิตอย่างหนึ่ง คือเราเองแม้จะไม่รู้สึกว่าเราเป็นคนดีอะไร แต่ผู้คนทั้งหลายจะพากันสรรเสริญว่าตัวเราช่างมีคุณธรรมและเป็นคนดีอย่างมากมาย เพราะว่ายิ่งใจดวงนี้ไร้ความปรารถนา สิ่งต่างๆยิ่งไหลหลั่งมาสู่ชีวิต
เมื่อใจมั่นคงในความดีแล้วจะพบคำตอบอย่างหนึ่งว่า เส้นทางแห่งอริยะหาใช่การพยายายามเป็นคนดีอย่างที่ชาวโลกต่างใฝ่ฝัน แต่คือการมีสติระลึกรู้อยู่เสมอทั้งกลางคืนและกลางวัน การเป็นคนดีที่จะสงบสุขอย่างแท้จริงนั้น คือการไม่เป็นทั้งคนดีและคนชั่วนั่นเอง
คุรุอตีศะ
๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘