ใจที่มีพลัง

ใจที่มีพลัง

 

 

 

                     ความรักทำให้เกิดความกล้าหาญ  บุคคลที่เคยยอมสยบต่อสิ่งอื่นมานาน  หากความรักได้เกิดขึ้นในหัวใจในวันใด  เขาจะกลายเป็นคนใหม่  ที่เริ่มเป็นตัวของตัวเอง  กล้าที่จะทำในสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง  โดยไม่หวั่นว่าคนอื่นจะมองเขาด้วยสายตาอย่างไร


                    ความรักทำให้หัวใจมีพลัง  หนุ่มสาวที่มีความรักจึงกล้าที่ทำอะไรที่ท้าทายวัฒนธรรมประเพณี  กล้าที่จะทำอะไรตามใจปรารถนา  แม้ว่าบางครั้งอาจจะเป็นความหลงความมืดมัว


                   ความรักจึงมีหลายระดับ  ความรักในระดับต่ำสุด  คือเรื่องทางเพศ  ซึ่งผู้คนทั้งหลายส่วนใหญ่จะรู้จักความรักเพียงในระดับนี้และมักไปไม่ถึงไหน  เมื่อเบื่อหน่ายแล้วก็แสวงหาคนใหม่ต่อไป  แต่ยิ่งแสวงหามากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่พบความรัก  เพราะมัวหลงเปลือกนอกว่าเป็นแก่นสารเนื้อในของความรัก  ผู้ที่ยิ่งแสวงหาความรักผ่านความสุขทางเพศ  จึงยิ่งไม่รู้จักความรักแท้


                  ความรักในขั้นต่อไปคือ คือความรู้สึกที่เป็นสุขที่ได้ทำอะไรเพื่อคนที่ตนรัก  ความรักในระดับนี้ใจเริ่มพบกับความรู้สึกอันอบอุ่นลึกซึ้ง เพราะไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางในการแสวงหาความสุข   ความปลื้มปีติและความสุขจึงไหลหลั่งเข้าสู่หัวใจมากกว่าแต่ก่อน


                    ความรักในระดับนี้ต้องอาศัยความเคารพศรัทธา  ต้องได้รับการขัดเกลาจากสิ่งที่เรียกว่า “ศาสนา” ชายและหญิงที่รู้จักหมั่นบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา  ความรักอันแท้จริงนี้จะเกิดขึ้นมาอย่างเป็นไปเอง  จากเรื่องความต้องการทางเพศตามสามัญธรรมดา  จะได้รับการพัฒนากลายเป็นความรักความศรัทธา  ที่แม้ทั้งสองจะตายจากกันไป  ความรักก็ยังดำรงอยู่


                   ความรักในขั้นต่อไปนั้น คือสิ่งที่เรียกว่า “สมาธิภาวนา” ความรักในระดับนี้  สติและปัญญาจะได้รับการพัฒนาจนถึงขั้นที่ว่าแม้ไม่ต้องอาศัยร่างกายหรือการมีเพศสัมพันธ์  ความรักนั้นก็ยังดำรงอยู่   หากเป็นคนที่ครองเรือนมีคู่  ก็มีความสุขไปตามประสาเพศและวัยตามเหตุตามปัจจัยโดยไร้การกดข่ม  ผู้ครองเรือนที่มีความรักระดับนี้  ไม่ใช่ผู้หย่อนสมรรถภาพทางเพศ  แต่คือผู้มีสติในการบริโภคกาม  ไม่มีการกดข่มเคร่งเครียด  แต่ก็ไม่เป็นผู้หมกมุ่นมัวเมา  ความรักของพระโสดาบันบุคคลที่ครองเรือน  จึงต่างกับปุถุชนโดยทั่วไปที่อานุภาพแห่งดวงจิตนี้เอง


                   หากไม่มีคู่ก็จะไม่มีการโหยหาความรักเพราะมีความสุขกับความรักอยู่แล้วกับการที่ชีวิตได้แต่งงานกับ “สมาธิภาวนา”  ความรักชนิดนี้เองที่ทำให้พระโสดาบันที่ออกบวชเป็นบรรพชิต  แม้ท่านจะยังไม่สิ้นกามราคะสังโยชน์  แต่ท่านก็จะไม่คิดสึกออกไปใช้ชีวิตฆราวาสอีก


                   ความรักขั้นสูงสุด  เรียกว่า “ความเมตตาอาทร” อันเป็นความรักอันบริสุทธิ์ที่ไม่มีสิ่งใดเจือปน  มีแต่ความหวังดีและหวังเกื้อกูลโดยไม่คำนึงถึงตัวเองอีกเลยตลอดสาย  ความรักเช่นนี้คือความรักของพระโพธิสัตว์ และความรักพระอริยเจ้าชั้นสูงที่ท่านยังดำรงสังขารเพื่ออนุเคราะห์เกื้อกูลมหาชนไปจนกว่าจะถึงวันตาย   ความรักของท่านอยู่เหนืออุปสรรคและอยู่เหนือความตาย  ขอเพียงให้ความเมตตาอาทรที่หลั่งออกไป จงส่งผลทำให้ผู้อื่นมีความสุขก็พอ


                  ใจที่มีความรักย่อมเป็นใจที่มีพลังมหาศาล  แม้หนุ่มสาวที่เคยอยู่ในโอวาทและประพฤติเรียบร้อยมานาน ก็ยังกล้าแหวกม่านประเพณีหนีตามกันได้  หากเขาเข้าใจในธรรมะและได้มีโอกาสพัฒนาสติมากขึ้น  ความรักในระดับต่ำสุดของเขานั้น  ก็อาจพลิกใจที่มืดบอดด้วยความรู้สึกทางเพศ  กลายเป็นผู้มีความรักที่เสียสละและสูงส่งมากขึ้นทีละน้อยต่อไป  ขอเพียงเขาได้เข้าใจในพระธรรมที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตจริง  ความรักที่เคยอยู่ในระดับต่ำสุดนั้นอาจกลายเป็นรักแท้ขึ้นมาในวันหนึ่ง


                   บุคคลใดที่สามารถดำเนินชีวิตตามครรลองของวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามได้  ขอจงเลือกเดินบนเส้นทางอันเป็นมาตรฐานนั้นอย่าหวั่นไหว  แม้ว่าในโลกหรือสังคมในปัจจุบันจะมีผู้คนเหลือรอดกระแสอันเชี่ยวกรากมาเดินบนทางสายนี้ในหนึ่งร้อยคนเหลือเพียงสิบคน  ก็จงกล้าสวนกระแสเพื่อช่วยสร้างสังคมยุคใหม่อันจะมาถึงในภายหน้า  เพราะคือการได้ฝึกสติอย่างเข้มข้นทั้งชายหญิง ที่แม้จะอดเปรี้ยวไว้กินหวานท่ามกลางที่ผู้คนเขาด่วนกินเปรี้ยวไปก่อน ก็จงปล่อยเขากินไป  หากเรายังสามารถเลือกที่จะรอไว้กินหวานได้  ก็จงรอให้มะม่วงสุกก่อนดีกว่า


                     บุคคลใดที่ได้ตัดสินใจกินเปรี้ยวไปก่อนแล้วก่อนจะได้อ่านข้อความนี้  ก็จงเคี้ยวต่อไปอย่ามัวลังเลแม้ใบหน้าจะเหยเกน้ำตาเล็ดออกมาบ้าง  ก็จงยอมรับผลของการกระทำที่ตัวเราได้ตัดสินใจกินมะม่วงเปรี้ยว  เมื่อพลาดล้มก็จงพยายามลุกขึ้นแล้วเร่งบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา เพื่อซ่อมแซมชีวิตที่เคยสึกหรอเพราะได้ฝ่ามรสุมอันโหดร้ายจนรอดตายมาได้  ขอจงหมั่นประคองตนอยู่ในความดีงามต่อไป  ก็จะยืนอยู่ในฐานะมนุษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งได้อย่างไม่อายใครในสังคม   และก็ขอให้พยายามแนะนำอนุชนคนรุ่นหลังให้พวกเขารู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน  เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ต้องเดินบนเส้นทางที่ทุรกันดารแทบเอาตัวไม่รอดเหมือนตัวเราอีก


                   ความรักทำให้หัวใจเกิดความกล้าหาญ  ความรักจะทำให้หัวใจที่เคยอ่อนแอมานานกล้าฝ่าฟันกับอุปสรรค   หัวใจที่มีความรักจะไม่รู้สึกกลัวต่อสิ่งใดอีกต่อไป  และความรักจะกลายเป็นหมอ กลายเป็นโอสถคอยเยียวยารักษาร่างกายและจิตใจของผู้ที่มีความรักนั้นเอง


                   เมื่อมีความรัก  จงภูมิใจเถิดที่หัวใจของเราดวงนี้กล้าที่จะรัก  ความสามารถในการที่จะรัก  คือรากฐานอันสำคัญในการที่จะเกิดการเติบโตภายในและได้พบกับชีวิตใหม่


                   เพียงแต่จงหมั่นมีสติให้มากขึ้น  อย่าเอาแต่หมกมุ่นในความรักหรือเอาแต่มึนงงลังเลสงสัย  พลังแห่งความรักคือพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะช่วยสร้างชีวิตและอนาคต ความรักอันสูงส่งงดงามจะทำให้ใจมีพลัง อีกทั้งยังทำให้หัวใจดวงนี้ได้พบคำตอบของชีวิตทั้งมวล

 

                                                                             คุรุอตีศะ
                                                                      ๒  พฤษภาคม  ๒๕๕๘