ใจที่มีพลัง
- รายละเอียด
- หมวด: คติธรรม/ปรารภธรรม
ใจที่มีพลัง
ความรักทำให้เกิดความกล้าหาญ บุคคลที่เคยยอมสยบต่อสิ่งอื่นมานาน หากความรักได้เกิดขึ้นในหัวใจในวันใด เขาจะกลายเป็นคนใหม่ ที่เริ่มเป็นตัวของตัวเอง กล้าที่จะทำในสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง โดยไม่หวั่นว่าคนอื่นจะมองเขาด้วยสายตาอย่างไร
ความรักทำให้หัวใจมีพลัง หนุ่มสาวที่มีความรักจึงกล้าที่ทำอะไรที่ท้าทายวัฒนธรรมประเพณี กล้าที่จะทำอะไรตามใจปรารถนา แม้ว่าบางครั้งอาจจะเป็นความหลงความมืดมัว
ความรักจึงมีหลายระดับ ความรักในระดับต่ำสุด คือเรื่องทางเพศ ซึ่งผู้คนทั้งหลายส่วนใหญ่จะรู้จักความรักเพียงในระดับนี้และมักไปไม่ถึงไหน เมื่อเบื่อหน่ายแล้วก็แสวงหาคนใหม่ต่อไป แต่ยิ่งแสวงหามากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่พบความรัก เพราะมัวหลงเปลือกนอกว่าเป็นแก่นสารเนื้อในของความรัก ผู้ที่ยิ่งแสวงหาความรักผ่านความสุขทางเพศ จึงยิ่งไม่รู้จักความรักแท้
ความรักในขั้นต่อไปคือ คือความรู้สึกที่เป็นสุขที่ได้ทำอะไรเพื่อคนที่ตนรัก ความรักในระดับนี้ใจเริ่มพบกับความรู้สึกอันอบอุ่นลึกซึ้ง เพราะไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางในการแสวงหาความสุข ความปลื้มปีติและความสุขจึงไหลหลั่งเข้าสู่หัวใจมากกว่าแต่ก่อน
ความรักในระดับนี้ต้องอาศัยความเคารพศรัทธา ต้องได้รับการขัดเกลาจากสิ่งที่เรียกว่า “ศาสนา” ชายและหญิงที่รู้จักหมั่นบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา ความรักอันแท้จริงนี้จะเกิดขึ้นมาอย่างเป็นไปเอง จากเรื่องความต้องการทางเพศตามสามัญธรรมดา จะได้รับการพัฒนากลายเป็นความรักความศรัทธา ที่แม้ทั้งสองจะตายจากกันไป ความรักก็ยังดำรงอยู่
ความรักในขั้นต่อไปนั้น คือสิ่งที่เรียกว่า “สมาธิภาวนา” ความรักในระดับนี้ สติและปัญญาจะได้รับการพัฒนาจนถึงขั้นที่ว่าแม้ไม่ต้องอาศัยร่างกายหรือการมีเพศสัมพันธ์ ความรักนั้นก็ยังดำรงอยู่ หากเป็นคนที่ครองเรือนมีคู่ ก็มีความสุขไปตามประสาเพศและวัยตามเหตุตามปัจจัยโดยไร้การกดข่ม ผู้ครองเรือนที่มีความรักระดับนี้ ไม่ใช่ผู้หย่อนสมรรถภาพทางเพศ แต่คือผู้มีสติในการบริโภคกาม ไม่มีการกดข่มเคร่งเครียด แต่ก็ไม่เป็นผู้หมกมุ่นมัวเมา ความรักของพระโสดาบันบุคคลที่ครองเรือน จึงต่างกับปุถุชนโดยทั่วไปที่อานุภาพแห่งดวงจิตนี้เอง
หากไม่มีคู่ก็จะไม่มีการโหยหาความรักเพราะมีความสุขกับความรักอยู่แล้วกับการที่ชีวิตได้แต่งงานกับ “สมาธิภาวนา” ความรักชนิดนี้เองที่ทำให้พระโสดาบันที่ออกบวชเป็นบรรพชิต แม้ท่านจะยังไม่สิ้นกามราคะสังโยชน์ แต่ท่านก็จะไม่คิดสึกออกไปใช้ชีวิตฆราวาสอีก
ความรักขั้นสูงสุด เรียกว่า “ความเมตตาอาทร” อันเป็นความรักอันบริสุทธิ์ที่ไม่มีสิ่งใดเจือปน มีแต่ความหวังดีและหวังเกื้อกูลโดยไม่คำนึงถึงตัวเองอีกเลยตลอดสาย ความรักเช่นนี้คือความรักของพระโพธิสัตว์ และความรักพระอริยเจ้าชั้นสูงที่ท่านยังดำรงสังขารเพื่ออนุเคราะห์เกื้อกูลมหาชนไปจนกว่าจะถึงวันตาย ความรักของท่านอยู่เหนืออุปสรรคและอยู่เหนือความตาย ขอเพียงให้ความเมตตาอาทรที่หลั่งออกไป จงส่งผลทำให้ผู้อื่นมีความสุขก็พอ
ใจที่มีความรักย่อมเป็นใจที่มีพลังมหาศาล แม้หนุ่มสาวที่เคยอยู่ในโอวาทและประพฤติเรียบร้อยมานาน ก็ยังกล้าแหวกม่านประเพณีหนีตามกันได้ หากเขาเข้าใจในธรรมะและได้มีโอกาสพัฒนาสติมากขึ้น ความรักในระดับต่ำสุดของเขานั้น ก็อาจพลิกใจที่มืดบอดด้วยความรู้สึกทางเพศ กลายเป็นผู้มีความรักที่เสียสละและสูงส่งมากขึ้นทีละน้อยต่อไป ขอเพียงเขาได้เข้าใจในพระธรรมที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตจริง ความรักที่เคยอยู่ในระดับต่ำสุดนั้นอาจกลายเป็นรักแท้ขึ้นมาในวันหนึ่ง
บุคคลใดที่สามารถดำเนินชีวิตตามครรลองของวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามได้ ขอจงเลือกเดินบนเส้นทางอันเป็นมาตรฐานนั้นอย่าหวั่นไหว แม้ว่าในโลกหรือสังคมในปัจจุบันจะมีผู้คนเหลือรอดกระแสอันเชี่ยวกรากมาเดินบนทางสายนี้ในหนึ่งร้อยคนเหลือเพียงสิบคน ก็จงกล้าสวนกระแสเพื่อช่วยสร้างสังคมยุคใหม่อันจะมาถึงในภายหน้า เพราะคือการได้ฝึกสติอย่างเข้มข้นทั้งชายหญิง ที่แม้จะอดเปรี้ยวไว้กินหวานท่ามกลางที่ผู้คนเขาด่วนกินเปรี้ยวไปก่อน ก็จงปล่อยเขากินไป หากเรายังสามารถเลือกที่จะรอไว้กินหวานได้ ก็จงรอให้มะม่วงสุกก่อนดีกว่า
บุคคลใดที่ได้ตัดสินใจกินเปรี้ยวไปก่อนแล้วก่อนจะได้อ่านข้อความนี้ ก็จงเคี้ยวต่อไปอย่ามัวลังเลแม้ใบหน้าจะเหยเกน้ำตาเล็ดออกมาบ้าง ก็จงยอมรับผลของการกระทำที่ตัวเราได้ตัดสินใจกินมะม่วงเปรี้ยว เมื่อพลาดล้มก็จงพยายามลุกขึ้นแล้วเร่งบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา เพื่อซ่อมแซมชีวิตที่เคยสึกหรอเพราะได้ฝ่ามรสุมอันโหดร้ายจนรอดตายมาได้ ขอจงหมั่นประคองตนอยู่ในความดีงามต่อไป ก็จะยืนอยู่ในฐานะมนุษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งได้อย่างไม่อายใครในสังคม และก็ขอให้พยายามแนะนำอนุชนคนรุ่นหลังให้พวกเขารู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ต้องเดินบนเส้นทางที่ทุรกันดารแทบเอาตัวไม่รอดเหมือนตัวเราอีก
ความรักทำให้หัวใจเกิดความกล้าหาญ ความรักจะทำให้หัวใจที่เคยอ่อนแอมานานกล้าฝ่าฟันกับอุปสรรค หัวใจที่มีความรักจะไม่รู้สึกกลัวต่อสิ่งใดอีกต่อไป และความรักจะกลายเป็นหมอ กลายเป็นโอสถคอยเยียวยารักษาร่างกายและจิตใจของผู้ที่มีความรักนั้นเอง
เมื่อมีความรัก จงภูมิใจเถิดที่หัวใจของเราดวงนี้กล้าที่จะรัก ความสามารถในการที่จะรัก คือรากฐานอันสำคัญในการที่จะเกิดการเติบโตภายในและได้พบกับชีวิตใหม่
เพียงแต่จงหมั่นมีสติให้มากขึ้น อย่าเอาแต่หมกมุ่นในความรักหรือเอาแต่มึนงงลังเลสงสัย พลังแห่งความรักคือพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะช่วยสร้างชีวิตและอนาคต ความรักอันสูงส่งงดงามจะทำให้ใจมีพลัง อีกทั้งยังทำให้หัวใจดวงนี้ได้พบคำตอบของชีวิตทั้งมวล
คุรุอตีศะ
๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘