การสอนของปรมาจารย์

การสอนของปรมาจารย์

 

 

                                                            

               ค่ำคืนวันหนึ่ง  ขณะอาจารย์ชิจิริ  โกชุน  กำลังท่องพระสูตรอยู่  หัวขโมยถือดาบคมกริบเดินเข้ามา  และถามว่า จะให้เงินทองหรือจะให้ชีวิต


                อาจารย์ชิจิริกล่าวกับหัวขโมยว่า “อย่ากวนใจข้าน่า  เจ้าไปค้นเงินในลิ้นชักโน่นไป” แล้วก็ท่องพระสูตรต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


                ครู่ต่อมาท่านก็หยุดท่องพระสูตรและส่งเสียงไปยังหัวขโมยว่า “อย่าเอาไปหมดล่ะ ข้าต้องเหลือไว้จ่ายภาษีวันพรุ่งนี้”


                หลังจากผู้ร้ายกวาดเงินไปเกือบหมดและกำลังจะเดินออกไป  อาจารย์ชิจิริเอ่ยขึ้นว่า “เวลาคนเขาให้อะไร  ก็ขอบคุณเขาด้วยสิ” ชายผู้บุกรุกจึงขอบคุณแล้วก็รีบวิ่งหนีไป

 
                ไม่กี่วันต่อมาเจ้าคนนั้นก็ถูกจับ  และสารภาพว่าได้บุกรุกเข้าไปในกุฏิของท่านอาจารย์ชิจิริ  เมื่อท่านอาจารย์ชิจิริถูกเรียกให้ไปเป็นพยาน  ท่านกล่าวว่า “ชายคนนี้ไม่ใช่หัวขโมย  อย่างน้อยก็เท่าที่ข้าเห็น  เพราะเมื่อข้าให้เงินเขา  แล้วเขาก็ขอบคุณข้า”


                หลังจากที่ชายคนนั้นพ้นโทษออกมา  เขาจึงไปหาท่านอาจารย์ชิจิริ และบวชขอเป็นศิษย์ของท่านนับแต่นั้นมา

 

 

                  เรื่องเล่าของเซนดังที่ยกมา  นั่นคือการสอนที่เยี่ยมยอด  เป็นวิธีการสอนที่สอนคนได้แม้ท่ามกลางที่เขากำลังทำความผิดและเป็นหัวขโมยอยู่ต่อหน้า  วิธีการสอนเช่นนี้ต้องเป็นระดับปรมาจารย์และต้องเป็นผู้บรรลุจริงเท่านั้นจึงจะทำได้  ส่วนอาจารย์ทั่วไปนั้น ความเฉียบคมแห่งดวงจิตและสติปัญญาจะไม่มีความสามารถทำอย่างท่านอาจารย์ชิจิริได้เลย


                  จิตของผู้บรรลุย่อมไม่เห็นความแตกต่างระหว่างคนดีกับคนที่เป็นหัวขโมย  นี้คือสิ่งที่เหนือคำอธิบาย จิตของท่านไม่มีแม้กระทั่งคำว่า “หัวขโมย”อยู่ในความรู้สึกของท่าน  นี้คือความเมตตาอย่างสูงสุดที่จะทำได้ก็แต่พระอริยบุคคลผู้อยู่เหนือดี เหนือชั่วตามสมมติได้แล้ว

  
                      เพราะเหตุที่จิตของผู้บรรลุธรรมชั้นสูงย่อมอยู่ในฐานะที่คนธรรมดาจะเข้าใจ  ในหลักการของพระพุทธศาสนาแบบเถรวาท  ท่านจึงมีหลักว่าบุคคลที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ที่ยังเป็นฆราวาสจะต้องบวชภายในเจ็ดวัน  มิฉะนั้นจะตายด้วยเหตุปัจจุบันทันด่วน  เนื่องจากสภาพของความเป็นฆราวาสไม่สามารถรองรับคุณธรรมอันสูงส่งระดับนั้นได้  เหมือนภาชนะอันขรุขระหยาบกระด้างไม่อาจใช้วางแก้วอันใสและเปราะบาง ผ้ากาสาวพัสตร์หรือผ้าเหลืองอันเป็นจีวรของพระโบราณท่านจึงเรียกว่า “ธงชัยของพระอรหันต์” หรือ “เครื่องแบบของพระอรหันต์”


                       ผู้รู้ท่านกล่าวว่า  หากพระปุถุชนธรรมดา  ตั้งใจสำรวมระวังตามพระวินัย ๒๒๗ อย่างเคร่งครัด  คนทั่วไปจะแยกไม่ออกเลยว่ารูปใดเป็นปุถุชน รูปใดเป็นพระอรหันต์  และบางทีคนจะนึกว่าผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว เป็นพระปุถุชนอย่างนี้ก็มี  เพราะผู้บรรลุแล้วมักใช้ชีวิตอิสระมากกว่า  ไม่ค่อยมีความเคร่งครัดเคร่งขรึมหรือวางท่าให้น่าเลื่อมใส ที่จะพอสังเกตได้บ้างก็ตรงที่ท่านแสดงธรรมหรือสำหรับผู้มีญาณหยั่งรู้พิเศษที่ท่านรู้กันเป็นการเฉพาะ


                       อย่างท่านอาจารย์ชิจิรินี้  หากท่านไม่ได้ครองเพศเป็นนักบวช  คนทั่วไปย่อมจะมองท่านว่าเป็นคนบ้า  เนื่องจากความคิดความอ่านของท่านสวนทางกับความต้องการของทางโลก  หัวขโมยย่อมเป็นคนเลวโดยทั่วไป  แต่สำหรับท่านแล้วเขาคือคนหนึ่งที่เพียงต้องการเงิน


                       จิตของท่านบริสุทธิ์ไร้เดียงสา  จนกระทั่งมองไม่เห็นความชั่วความเลวของใคร  ท่านมองเห็นเงินทองเป็นสิ่งที่คนทั่วไปใช้สอยแลกเปลี่ยนในชีวิตประจำวันเท่านั้น  ไม่ว่าคนรวย คนจน  ไม่ว่าหัวขโมยหรือแม้แต่ตัวท่าน  ต่างก็มีความจำเป็นต้องใช้เงินไปตามสภาพของตน


                       พระอริยบุคคลที่บรรลุธรรมแล้วซ่อนตัวอยู่เงียบๆนั้นมีมาก ที่จะสอนธรรมะหรือเผยแผ่เพื่อประโยชน์เกื้อกูลคนทั่วไปนั้นมีน้อย  เนื่องจากไม่มีผู้ที่รองรับบารมีเสมือนเรือนแหวนที่คอยเชิดชูให้เพชรเม็ดงามได้เปล่งประกาย  ท่านเหล่าผู้บรรลุแล้วส่วนใหญ่จึงพอใจทำตัวติดดินมีความสุขไปวันๆ เหมือนมหาเศรษฐีปลอมตัวไปใช้ชีวิตกับคนบ้านนอกแล้วรู้สึกสนุกดี


                        หัวขโมยคนนั้นไม่รู้ว่าท่านอาจารย์ชิจิริคือปรมาจารย์ผู้บรรลุแล้ว  ถ้ารู้ว่าท่านคือปรมาจารย์ใครเล่าจะหาญกล้าไปล่วงเกินขนาดนั้น เขาก็คิดไปตามประสาของเขาที่มุ่งให้ได้เงินมากกว่า  แต่ปรมาจารย์ผู้ยอดเยี่ยมก็ยังเปล่งรัศมีแห่งคุณธรรมจนสามารถละลายหัวใจอันเคยมืดมัวของเขา จนเกิดความสำนึกที่ดีแล้วกลายเป็นคนใหม่ในเวลาต่อมา  พลังความเมตตาอันสูงสุดของท่าน  ทำให้หัวขโมยคนนั้นกลายมาเป็นนักบวชและกลายเป็นลูกศิษย์คนสำคัญ


                        การสอนของปรมาจารย์ย่อมเหนือกว่าอาจารย์ทั่วไปเช่นนี้  ไม่ต้องสอนด้วยวาจาก็ยังได้  ไม่จำเป็นต้องแสดงว่าเป็นอาจารย์  ไม่ต้องการแม้กระทั่งการเคารพหรือกราบไหว้


                        หากใครได้พบกับบุคคลชนิดนี้สักครั้งหนึ่ง  ชีวิตของบุคคลนั้นจะเริ่มเปลี่ยนไปจิตวิญญาณจะเกิดความสงบสุขและสูงส่งขึ้นอย่างเป็นไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจ  เพราะอานุภาพพลังภายในที่บริสุทธิ์ของท่านได้ถ่ายทอดเข้าสู่ตัวของบุคคลผู้เป็นศิษย์ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยคำพูด  เพียงได้พบ  เพียงได้รู้จัก  เพียงได้เข้าใกล้  ชีวิตของบุคคลนั้นจากที่เคยเหี่ยวเฉาก็จะเริ่มเป็นต้นไม้ที่เริ่มผลิใบ    นี้คือความยิ่งใหญ่แห่งอานิสงส์ของการได้พบพระอริยบุคคล


                         กับคนอย่างท่านอาจารย์ชิจิริ  ใครจะไปทำอย่างอื่นได้ นอกจากจะกลายเป็นลูกศิษย์ของท่าน  เพราะนี้คือการแปรสภาพกรวดหินธรรมดาให้กลายเป็นทองคำของปรมาจารย์  ที่อาจารย์สักกี่คนเล่าในโลกนี้จะสามารถทำได้


                        การได้สัมผัสกับปรมาจารย์จะทำให้บุคคลกลายเป็นคนใหม่  ตอนแรกเขาอาจมาพบท่านด้วยเหตุอย่างอื่น เหมือนเจ้าหัวขโมยคนนี้  เขามาหาท่านในตอนแรก เขาไม่ได้มาหาปรมาจารย์  แต่เขาจะมาขโมยเงิน  แต่ด้วยความที่เขามีความซื่อตรงในฐานะหัวขโมยที่ไม่ได้ต้องการธรรมะแต่ต้องการเงิน  เมื่อได้พบกับปรมาจารย์ผู้ล้ำเลิศโดยบังเอิญ  เขาจึงเลิกเป็นหัวขโมยแล้วกลายเป็นอาจารย์เซนองค์หนึ่ง ที่หลังจากท่านได้บรรลุแล้ว ได้เปิดเผยความลับระหว่างตนกับผู้เป็นอาจารย์ จนเกลายเป็นตัวอย่างอันล้ำเลิศนี้เป็นมรดกของโลกในเวลาต่อมา


                         แม้จะไม่รู้ว่าท่านผู้นั้นเป็นพระอริยบุคคล   เพียงเราได้พบท่านโดยบังเอิญ  แล้วหลังจากนั้นจิตใต้สำนึกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ข้างในจะเริ่มเผยตัวออกมา  เราจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงขึ้นมาในหัวใจ  เราได้กลายเป็นคนใหม่ทีละน้อย นี้คือการรู้ตื่นอยู่ภายใน


                         เปรียบเหมือนตะเกียงที่ตั้งไว้ในมุมมืดมานานได้ถูกจุดขึ้นมา  บุคคลที่ได้พบกับปรมาจารย์  แม้จะไม่รู้ว่าท่านคือผู้บรรลุธรรม  แม้เขาจะไม่รู้ว่าท่านคือปรมาจารย์  แต่ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปกลายเป็นคนใหม่  และจะไม่มีวันกลับมาเป็นคนเดิมอีกเลย

 

 

                                                                            คุรุอตีศะ
                                                                    ๒๕  มีนาคม  ๒๕๕๘