พลังแห่งการเยียวยา
- รายละเอียด
- หมวด: คติธรรม/ปรารภธรรม
พลังแห่งการเยียวยา
ผู้ที่ท่านเกิดมาเพื่อความหลุดพ้น จิตของท่านย่อมแน่วแน่ต่อการหลุดพ้น และจะมีเหตุปัจจัยเกื้อหนุนจนให้บรรลุสู่ความหลุดพ้น อันเป็นวิถีที่ต่างจากคนธรรมดาสามัญทั่วไป
แต่เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่ จะได้มีวิสัยที่จะดำเนินไปสู่ความหลุดพ้นเหมือนท่านเหล่านั้นก็หาไม่ แทบจะทั้งหมดล้วนพอใจที่จะเวียนว่ายตายเกิด พอใจที่จะแต่งงานมีครอบครัว พอใจที่จะสร้างฐานะให้ร่ำรวยหรือมีอำนาจวาสนาแทบทั้งนั้น พูดง่ายๆก็คือผู้คนทั้งหลายล้วนพอใจในความรัก ความผูกพัน ไม่ได้ปรารถนาการหลุดพ้นแต่อย่างใด ดังนั้น ธรรมะที่จะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตของคนทั่วไป จึงไม่ใช่ธรรมะสำหรับความหลุดพ้น แต่คือความมีสติเข้าใจในชีวิตของตนเอง มีความรักดุจต้นไม้ที่ได้รับน้ำฝน ชีวิตของเราจึงจะมีความสุข
เราน้อมกราบไหว้ในองค์คุณของพระอรหันต์หรือท่านผู้หลุดพ้นไปแล้ว เพื่อเป็นการเจริญภาวนาด้วยการมีสติตามระลึกถึงองค์คุณของปวงเหล่าอริยสงฆ์ เรียกว่า “สังฆานุสติ”
การนอบน้อมเคารพด้วยความซาบซึ้ง คือพลังแห่งศรัทธา อันจะสามารถสมานแผลและรักษาเยียวยาหัวใจที่แตกร้าวและบอบช้ำยับเยินของเราได้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่สามารถไปเอาอย่างหรือเลียนแบบท่านเหล่านั้นแต่อย่างใด และแท้จริงแล้วตัวศรัทธาความเลื่อมใส ก็คือชื่อหนึ่งของ “ความรัก” ที่สะอาดสูงส่งขึ้นมาอีกระดับหนึ่งนั่นเอง
ผู้คนส่วนใหญ่น้อยนักจะเกิดความรักชนิดนี้ขึ้นมาในหัวใจ ส่วนใหญ่จะติดอยู่เพียงแค่ความรักในระดับต่ำสุดคือความรักอันเป็นความใคร่ระหว่างเพศของหญิงชายเท่านั้น
ผู้ชายที่หัวใจยังไม่เคยเกิดความรักที่เป็นความเลื่อมใสศรัทธา เขาจะเที่ยวแสวงหาความรักจากผู้หญิงหรือติดแค่ร่างกายของสตรีอยู่ตลอดเวลา จนกว่าหัวใจของเขาจะเกิดความศรัทธาในศาสนา นั่นจึงจะเป็นการเริ่มต้นที่หัวใจของเขาจะเริ่มอ่อนโยนและเริ่มมีความรักแท้ในหัวใจที่จะมอบให้แก่ภรรยาหรือคู่ครองของตนเอง เขาจะเกิดความหนักแน่นในจิตใจ มีความมั่นใจในตัวเองอย่างลึกซึ้ง และหัวใจของเขาจะเกิดความชุ่มเย็น มีความนุ่มนวลอ่อนโยนมีเมตตา มีความรักที่องอาจและงามสง่า อันเกิดจากพลังแห่งศรัทธาที่ยากจะเกิดขึ้นในจิตใจของผู้ชายโดยทั่วไป
ผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติพิเศษประจำตัวในฐานะเพศหญิงอยู่แล้ว นั่นคือ “ความรัก” ผู้ชายทุกคนที่ขอแต่งงานกับสตรีแทบทั้งหมดล้วนเกิดจากเขาพ่ายแพ้ต่อ “พลังแห่งความรัก”ของสตรีที่มีเสน่ห์ทรงอิทธิพลเหนือหัวใจของเขาได้ เพียงแค่ความดึงดูดทางเพศเพียงอย่างเดียว จะไม่ทำให้ผู้ชายคนนั้นอยากใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงคนนั้นตลอดไป การแต่งงานจึงเป็นเรื่องใหญ่ของผู้ชายเจ้าชู้ทั้งหลาย เพราะในส่วนลึกของจิตใจเขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาต้องการและแสวงหามาเนิ่นนานไม่ใช่การแต่งาน แต่สิ่งนั้นก็คือ “ความรัก”นั่นเอง
ด้วยเหตุที่ผู้หญิงมีความรักที่อ่อนโยนมีเมตตา อยู่เป็นพื้นฐานของจิตใจอันเหนือกว่าบุรุษอยู่ก่อนแล้ว หากวันหนึ่งเธอได้มีโอกาสฟังธรรมของพระอริยเจ้าจนเกิดความเลื่อมใสศรัทธา เธอจะเกิดความเลื่อมใสอันลึกซึ้งจนยากที่จะอธิบาย เพราะได้รับรสของพระธรรมที่ในชีวิตไม่เคยได้รับความสุขสงบใจเช่นนี้มาก่อน ด้วยเหตุนี้ผู้หญิงจึงเข้าถึงความเลื่อมใสศรัทธาก่อนผู้ชายและมีจำนวนผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ส่วนผู้ชายศรัทธาจะเกิดตามหลังปัญญา
การที่ผู้หญิงเกิดศรัทธาในศาสนานั้นไม่ใช่เธอไม่รักลูก ไม่รักสามี ไม่รักครอบครัว หรือว่าศรัทธางมงายอย่างที่ผู้คนมักกล่าวหาเธอแต่อย่างใด เพียงแต่เธอเกิดความสุขทางจิตใจที่ประณีต ลึกซึ้ง เหนือกว่าความรักใดๆในทางโลก ซึ่งจะเป็นอยู่สักระยะหนึ่ง
หากมีคนเข้าใจ หัวใจที่ได้รับการเยียวยาและเพิ่มพลังชีวิตด้วยพระธรรมนั้น จะทำให้เธอรักและเข้าใจสามี หรือรักครอบครัวอย่างทรงพลังมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอีกหลายเท่า และเทวดาจะรักษาตัวเธอและครอบครัวทำให้มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน พลังศรัทธาที่มีในตัวเธอ ก็ยิ่งจะทำให้สามีรักเธอมากขึ้น เพราะความรักที่สูงส่งงดงามเกิดขึ้นในหัวใจไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย จะมีอานิสงส์ให้คนอยู่ใกล้เกิดความเย็นใจและเกิดสิริมงคลตามมา
แต่เพราะผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องนี้ ผู้ชายทั้งหลายก็มักมองไปในแง่ร้าย มักเอาความเจ้าชู้ที่มีอยู่ประจำนิสัยมาเป็นมาตรฐาน ส่วนผู้หญิงก็จะไม่เข้าใจตนเอง บางคนก็ไม่อยากกลับบ้าน กลับไปรับผิดชอบครอบครัว อยากอยู่วัดและมีความสุขแบบนั้นเรื่อยไป สุดท้ายครอบครัวก็เริ่มไม่เข้าใจ ในบางกรณีก็อาจนำผลร้ายมาสู่ครูบาอาจารย์ของตนก็มี
ด้วยเหตุนี้ จึงพยายามแนะนำให้ทุกคนปฏิบัติธรรมให้อยู่กับชีวิตความเป็นจริงไว้เป็นหลัก หากเราเป็นภรรยาที่สามีเขารักและแหนหวงอนุญาตยอมให้ไปรักษาศีลหรือไปปฏิบัติธรรมตามโอกาส ก็อย่าเอาแต่นั่งสมาธิจนลืมบ้าน เพราะชีวิตจริงของเราคือคนที่ใช้ชีวิตคู่หรือคนที่แต่งงาน
อย่าลืมว่าที่เขาอนุญาตให้ไปปฏิบัติธรรมนั้น ถือว่าเขารักเรามากที่สุดแล้ว เราก็ต้องรักษาและถนอมน้ำใจเขาเช่นกัน เมื่อไปปฏิบัติธรรมแล้วกลับมาบ้าน ก็ต้องทำตัวให้น่ารักและเอาอกเอาใจเขายิ่งกว่าเดิม แม้ฝ่ายบุรุษก็ต้องเข้าใจในเรื่องนี้ทำนองเดียวกัน
ถ้าเราจะมุ่งหลุดพ้น เราก็ต้องสละครอบครัวออกบวชเหมือนครูบาอาจารย์ผู้เด็ดเดี่ยวทั้งหลาย แต่ในเมื่อชีวิตจริงของเราจะทำเช่นนั้นไม่ได้ ก็จงปฏิบัติธรรมกับชีวิตจริงที่กำลังเป็นไปในขณะนี้ เราจะต้องเป็นดอกบัวที่ไม่รังเกียจหรือดูหมิ่นโคลนตม สติที่ทำหน้าที่ไปอย่างเป็นธรรมชาติ ก็จะทำให้เข้าถึงความเป็นพระโสดาบันบุคคลในชาตินี้แม้จะมีครอบครัว
การเจริญภาวนาของบุคคลผู้ครองเรือนต้องเดินตาม “วิถีแห่งความรัก” หาใช่ต้องเดินตาม “วิถีแห่งโยคะ”อันเหมาะกับผู้สละการครองเรือนได้แล้วมุ่งก้าวข้ามกามราคะเป็นหลัก ควรเจริญสติตามฐานะของความเป็นภรรยาและสามี เมื่อใดที่ทั้งสองตกลงกันที่จะบำเพ็ญเนกขัมมะบารมี ก็จงบำเพ็ญตบธรรมให้สูงขั้น ในท่ามกลางความรักความเข้าใจนั่นเอง
จงมีความสุขท่ามกลางชีวิตจริงของเราในวันนี้ จงยอมรับว่าเราต้องอยู่ในโคลนตมเพื่อดอกบัวจะได้ค่อยๆเติบโตและชูช่อบานในวันหนึ่ง เราจะเอาแต่ดอกบัวอันงดงามเพียงอย่างเดียวหาได้ไม่ เราต้องอยู่กับน้ำที่ขุ่นไปก่อนเพราะยังต้องอาศัยโคลนตมตามความเป็นจริง เมื่อนานไปน้ำในสระก็จะใสขึ้น ดอกบัวก็จะค่อยๆเติบโตและโผล่พ้นน้ำ เมื่อแสงแดดส่องมาดอกบัวก็ชูช่อและแย้มบานอย่างเป็นไปเองเมื่อถึงกาลเวลา
เราน้อมใจถึงพระอรหันต์และพระอริยเจ้าทั้งหลาย ด้วยความศรัทธาเลื่อมใสและชุ่มชื่นหัวใจ แต่ชีวิตจริงของเราต้องอาศัยอยู่กับความรักและการมีครอบครัว
ท่านเปรียบดวงพระอาทิตย์อันเจิดจ้า ส่วนเรานี้ดุจหิ่งห้อยตัวน้อย ที่ขอส่องแสงระยิบระงับประดับแนวป่าด้วยความเจียมตัวไปแต่ละวันอย่างสุขใจไปตามประสา ชีวิตนี้ก็แทบไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว จะขอเอาพลังแห่งความรักนี้นั้นเป็นพลังแห่งการเยียวยา เราจะเอาพลังแห่งความรักเป็นพลังแห่งการฟันฝ่าต่ออุปสรรคปัญหาทั้งปวง
เมื่อใดที่หัวใจมีความรัก ปัญหาจะมากมายสักแค่ไหน เมื่อนั้นจิตใจจะมั่นคงและเข้มแข็ง แท้จริงแล้วพระอรหันต์คือผู้มีความรักอันบริสุทธิ์จนไม่เหลือพื้นที่ไว้ในการรักตัวเองเพราะท่านทำลายหรือสละอัตตาได้อย่างเด็ดขาด พระโสดาบันบุคคลคือผู้เข้าถึงความรักแท้ได้ ๒๕ เปอร์เซ็นต์ ส่วนปุถุชนนั้นความรักจะติดอยู่ที่เปลือกภายนอกคือร่างกายที่ต้องใช้สติในการพัฒนาต่อไป ดังนั้น ดอกบัวไม่ได้เกิดที่ไหน แต่เกิดจากโคลนตมนั่นเอง
จงรักษาใจดวงนี้ให้อยู่กับความรักไว้เป็นพื้นฐาน การปฏิบัติธรรมของเราจะไม่สับสน ไม่มีความขัดแย้งในตัวเอง จะมีความสุขในการปฏิบัติธรรมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อเรามอบหัวใจให้ความรักในการเป็นพลังเยียวยาแห่งชีวิต ความรักจะกลายเป็นพลังที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่จะช่วยเยียวยาและรักษาโรคภัยทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ อันเหนือกว่ายารักษาโรคและการรักษาใดๆทั้งปวง
คุรุอตีศะ
๑๕ มีนาคม ๒๕๕๘