ซึมซับเอาความดีงาม
- รายละเอียด
- หมวด: คติธรรม/ปรารภธรรม
ซึมซับเอาความดีงาม
ความโชคดีของมนุษย์ที่สำคัญ คือการได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้คนดีมีจิตใจสูงมีคุณธรรม ได้พบและได้เข้าใกล้นักปราชญ์หรือพระอริยเจ้าผู้ทรงปัญญา แล้วมีความประทับใจในชีวิตและจริยาวัตรท่านเหล่านั้น จนกระทั่งดวงจิตได้ซึมซับเอาสิ่งดีงามจากตัวท่านเข้ามาสู่ชีวิตและหัวใจของตัวเองทีละน้อยโดยไม่รู้ตัวหรือไร้เจตนา นี้คือคุณค่าและความยิ่งใหญ่ของการได้พบหรือได้อยู่ใกล้ผู้นำทางจิตวิญญาณหรือครูบาอาจารย์
แท้จริงแล้วไม่มีการปฏิบัติธรรมอะไร แต่คือการซึมซับเอาพลังแห่งความรักและความดีงามจากท่านเหล่านั้น อันเกิดจากความประทับใจหรือความศรัทธาเลื่อมใส พลังแห่งความบริสุทธิ์และความดีงาม จะทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการที่จะพัฒนาจิตวิญญาณภายใน
สติที่เคยอ่อนแอก็จะมีพลังกล้าแข็งขึ้น สติที่เกิดบ่อยมากขึ้นเมื่อได้เหตุปัจจัยที่เกื้อกูลและเหมาะสมนั่นเองคือการปฏิบัติธรรม การเดินจงกรมและการนั่งสมาธิ ก็คือการเจริญสติปัฏฐานในอิริยาบถหนึ่งของร่างกาย หากไม่มีการงานอย่างอื่นอันเหมาะกับเพศนักบวช
เพียงมีครูหรือผู้นำทางจิตวิญญาณที่แท้จริงเพียงหนึ่งคน ที่เราได้มีโอกาสเข้าใกล้ ได้มีโอกาสสดับธรรม พร้อมกับหัวใจที่มีความเลื่อมใสศรัทธา สมาธิภาวนาจะเริ่มเกิดขึ้นในชีวิตจริง ความสุขและความร่มเย็นจะเริ่มเกิด แม้ว่าขณะนี้เราจะอยู่ท่ามกลางชีวิตการครองเรือน
ความรู้สึกซาบซึ้งในความดีงาม ย่อมมีอานุภาพสร้างชีวิตคนให้เจริญงอกงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ วัยรุ่นหรือหญิงสาวที่มีโอกาสได้พบกับภาพของครอบครัวสามีภรรยาที่มีความรักความอบอุ่นตั้งแต่ตัวเธออายุยังน้อย ความประทับใจและความใฝ่ฝันที่เกิดขึ้นในจิตใต้สำนึกที่คอยซึมซับเอาความดีงามมาสู่ตัวเองตลอดเวลา จะทำให้ในเวลาต่อมาเธอจะได้พบกับความรักหรือได้แต่งงานกับผู้ชายที่จะช่วยกันสร้างชีวิตครอบครัวให้อบอุ่นแบบที่เธอใฝ่ฝันในวันหนึ่ง
ชายหนุ่มหรือวัยรุ่นที่มีโอกาสได้พบกับผู้ชายที่มีครอบครัว ที่มีความรักความซื่อสัตย์ต่อครอบครัวแม้จะห่างไกลกันด้วยหน้าที่การงาน ความประทับใจในความซื่อสัตย์ที่เขาได้เห็นตัวอย่างจากผู้ชายที่รักครอบครัวคนนั้น ความประทับใจในตัวภรรยาที่มีความไว้วางใจในตัวสามีอันหญิงทั่วไปทำได้ยาก จะซึมซับเข้ามาสู่ตัวของเขาอย่างไม่รู้ตัว เขาประทับใจที่เห็นภรรยาสามีมาเยี่ยมเยียนกันด้วยความรัก เขาแอบชื่นชมและประทับใจในระหว่างความรักของคนทั้งสอง ต่อมาเขาจะพบกับสตรีที่มาร่วมสร้างชีวิตแบบนั้นและได้รับความรักที่ประเสริฐในเวลาต่อมา ความประทับใจและการซึมซับเอาแต่สิ่งที่ดีงาม จะสร้างจักรวาลที่ดีงามให้แก่เขา
ขอเพียงให้ได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ หรือได้สนทนากับบุคคลผู้สามารถสร้างแรงบันดาลใจ ที่มีพลังในการชักจูงหัวใจของเราให้ขึ้นไปสู่ความสูงส่ง เพียงเท่านั้นก็คือบันไดที่จะนำความก้าวหน้ามาสู่ชีวิตแล้ว คำโบราณที่ท่านสอนว่า “อย่าคบคนพาล ให้คบแต่บัณฑิต” ก็เพื่อจะได้ซึมซับเอาสิ่งดีงามจากตัวท่านเหล่านั้นให้ไหลหลั่งมาสู่ชีวิตของเรา
แม้จะเคยเป็นคนบาปหรือต่ำต้อยมาก่อนสักเพียงไหน บุคคลนั้นก็จะค่อยๆเกิดการพัฒนาแห่งชีวิต กลายเป็นต้นไม้ที่ได้รับปุ๋ยและน้ำฝน เกิดความงอกงามและเจริญเติบโต
บุคคลที่จะได้พบกับความรักที่ดีงามในชีวิตของตน จะต้องได้พบตัวอย่างของความรักที่ดีงามมาก่อน บุคคลที่ยากจนจะร่ำรวยมั่งคั่งขึ้นมา จะต้องได้พบหรือได้รู้จักบุคคลที่สร้างตัวเองจนมั่งคั่งร่ำรวยขึ้นมาเสียก่อน อาจพบตัวจริงหรือพบจากประวัติในหนังสือก็ได้
ในทางธรรมหรือในทางศาสนา บุคคลที่จะเป็นพระอริยบุคคลในชาตินี้ จะต้องได้พบกับพระอริยเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง แม้ว่าตนเองอาจจะไม่รู้ว่าท่านผู้นั้นเป็นพระอริยบุคคล
ความประทับใจและความซาบซึ้งใจที่บุคคลนั้นมีต่อท่านอย่างปราศจากความลังเลสงสัย กลายเป็นความเลื่อมใสศรัทธาอันมั่นคง นั่นคือประตูที่เปิดออกต้อนรับผู้ที่มีวาสนาบารมี ที่เกิดมาในชาตินี้เพื่อสร้างบารมีในการค้ำจุนพระศาสนาหรือมุ่งสู่ความหลุดพ้น แม้ว่าตนเองอาจจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังดำเนินอยู่บนเส้นทางแห่งอริยมรรค แต่ครูบาอาจารย์ท่านจะรู้
การได้พบกับผู้นำทางจิตวิญญาณหรือพระอริยบุคคล จนกระทั่งเกิดแรงบันดาลใจอันใหญ่หลวงชนิดเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้ มีอานุภาพยิ่งใหญ่กว่าการปฏิบัติธรรมตามรูปแบบที่ทำตามๆกันไป แม้จะนั่งสมาธิหรือเดินจงกรรมมากเพียงใดก็ยังไม่ได้ชื่อว่าจิตเดินอยู่บนสัมมาอริยมรรค เนื่องจากความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ยังไม่เพียงพอ การได้พบพระอริยเจ้าในชาตินี้ จึงเป็นความโชคดีที่หาได้ยากในโลก
เมื่อจิตดวงนี้ซาบซึ้งและประทับใจในพระรัตนตรัยขึ้นมาวันใด วันนั้นคือการก้าวเดินครั้งสำคัญแห่งจิตวิญญาณภายใน ที่จิตดวงนี้มีแต่จะเดินไปข้างหน้าในฐานะผู้มีความเพียรอย่างไม่เบื่อหน่ายและจะไม่มีการเดินหลงทางอีกแล้ว
ครูบาอาจารย์ที่แท้จริงหรือนักปราชญ์ผู้รู้แจ้ง ท่านมักพูดให้เป็นข้อคิดและเป็นปริศนาคล้ายๆกันว่า “แท้จริงแล้วท่านไม่ได้สอนการปฏิบัติอะไร แต่ท่านทำให้ดู เป็นอยู่ให้เห็น มีชีวิตอยู่ในแต่ละวันด้วยการหยุดและเย็นให้ดูเท่านั้น”
เพียงการปรากฏตัวของผู้รู้แจ้งหรือผู้นำทางจิตวิญญาณเพียงท่านหนึ่ง ณ มุมใดหรือภูมิภาคใดบนผืนโลกใบนี้ เพียงเท่านั้นแสงสว่างทางปัญญาก็จะเริ่มฉายแสงกระทบจิตใจของผู้คนที่เคยหลับใหลให้ตื่นขึ้นมา พระอริยบุคคลจึงเปรียบประดุจพระอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่าง
การซึมซับเอาสิ่งดีงามจะบังเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นั่นคือการปฏิบัติที่เป็นไปตามธรรมชาติเดิมแท้ ที่ไม่มีความเคร่งเครียดกดดันใดๆอยู่ในการปฏิบัติ มีแต่ความสงบและผ่อนคลาย มีแต่ความรู้ ตื่น เบิกบาน ที่สอดคล้องกับธรรมชาติในแต่ละขณะที่กำลังเป็นไป
เพียงพระอาทิตย์ฉายแสงขึ้นมาจับขอบฟ้า ความมืดมนอนธกาลทั้งปวงก็มลายหายไป โดยไม่ต้องไปพยายามกำจัดความมืดแต่อย่างใด
บุคคลผู้ที่ได้ปฏิบัติธรรมมาหลายภพหลายชาติ ในชาติปัจจุบันเพียงมีโอกาสได้ฟังธรรมของพระอริยเจ้าผู้รู้แจ้งเพียงครั้งเดียวแล้วเกิดสติปัญญา หลังจากนั้นการปฏิบัติธรรมและการเจริญสมาธิภาวนาจะเกิดขึ้นตามมา และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ชนิดที่จิตดวงนี้จะเลิกการแสวงหา และจะไม่มีการเลิกราจากการปฏิบัติอีกเลย
คุรุอตีศะ
๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘