สายใยแห่งความรัก
- รายละเอียด
- หมวด: คติธรรม/ปรารภธรรม
สายใยแห่งความรัก
มีเรื่องเล่าของชาวเดนมาร์กอยู่เรื่องหนึ่ง เล่าถึงแมลงมุมตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในโรงนาเก่าๆ ในแต่ละวันมันจะชักใยลงมาข้างล่างเพื่อจับแมลงวันกินอย่างสบาย ในโรงนาเก่าแห่งนั้นมีแมลงวันอยู่มากมายให้มันจับกินเป็นอาหาร แล้วมันก็อาศัยโรงนาแห่งนั้นใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเป็นการถาวรเรื่อยมา
ค่ำคืนหนึ่ง ขณะที่มันอยู่ที่พื้นเบื้องล่าง ก็บังเอิญเมื่อมองขึ้นไปด้านบนมันสังเกตเห็นสายใยขาวๆที่มันชักใยลงมา มันกล่าวขึ้นว่า “ฉันไม่จำเป็นต้องมีมันอีกแล้ว มันเป็นสิ่งเกะกะขวางทางเท่านั้น” มันจึงกัดใยเส้นนั้นจนขาด แล้วใยแมลงมุมที่มันใช้ดักจับแมลงวันก็ทำลายลง เพราะใยเส้นนั้นเป็นเส้นใยอันสำคัญที่ต้องมีไว้เพื่อช่วยพยุงใยแมลงมุม
ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน มีสายใยเส้นหนึ่งเชื่อมโยงเราไว้กับจักรวาลหรือสิ่งสูงสุด ชาวพุทธเรียกสิ่งสูงสุดนี้ว่า “พระนิพพาน” ส่วนชาวฮินดู ชาวคริสต์ ชาวอิสลาม เรียกสิ่งสูงสุดนี้ว่า “พระเจ้า” ท่านเล่าจื๊อเรียกสิ่งนี้ว่า “เต๋า” อันแทนความหมายการดำรงอยู่ของสรรพสิ่งทั้งมวล
เราแต่ละคนอาจลืมไปหมดแล้วว่าเราได้สืบเชื้อสายมาจากองค์รวม เราต่างสืบสายและเชื่อมโยงกับสิ่งสูงสุดนั้น เราเป็นเพียงน้ำหยดหนึ่งของน้ำทั้งมหาสมุทรหรือในทะเล อัตตาคือหยดน้ำที่แยกตัวออกมาจากท้องทะเลอันกว้างใหญ่ สุดท้ายก็หลอมรวมกลับไปสู่ความเป็นองค์รวมคืออนัตตาและสุญญตาตามเดิม
ความรักคือสายใยที่เชื่อมโยงเราไว้กับสรรพสิ่ง ความรักทำให้มนุษย์เชื่อมโยงกันได้จนอยู่เหนือคำว่า “ศาสนา”
คำว่า “ศาสนา” ยังทำให้เรารู้สึกแบ่งแยกจากกันและกัน แต่สำหรับคำว่า “ความรัก”นั้น ย่อมสามารถเชื่อมโยงดวงใจของมนุษย์ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกศาสนาเข้าด้วยกัน จนทำให้เรารักกันและรู้สึกอบอุ่นเป็นมิตรได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา หรือภาษาใดๆ
จงอาศัย “ความรัก”นี้ เป็นสายใยในการเชื่อมโยงกับเพื่อนมนุษย์ทั่วทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นฮินดู พุทธ มุสลิม ยิว คริสต์ ต่างก็มีน้ำตา มีความเศร้าโศกเสียใจร่ำไรรำพันเหมือนๆกัน
ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนในค่ำคืนอันมืดมิด ลำแสงแห่งชีวิตจากการดำรงอยู่ของสรรพสิ่งยังคงเชื่อมโยงอยู่กับเราเสมอ ความรักอันงดงามในหัวใจคือสะพานที่จะทำให้หัวใจดวงนี้เป็นหนึ่งเดียวและอบอุ่นอยู่ได้ แม้ว่าบางครั้งจะมีชีวิตอย่างโดดเดี่ยว แต่จะไม่อ้างว้างว่าเหว่เดียวดายแต่อย่างใด เพราะยังมีสายใยอันสำคัญที่ช่วยพยุงใยแมลงมุมเสมอมา
จงย้อนกลับมาและพยายามแสวงหาสิ่งที่อยู่ภายในตัวของเรานี้ จงตระหนักรู้และรู้สึกตัวอยู่เสมอ อันเป็นอริยมรรคที่จะทำให้เราเชื่อมโยงกับการดำรงอยู่ของสรรพสิ่ง
เมื่อเราแสวงหาสิ่งนั้นและเริ่มเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง เราจะรู้ได้ว่าสิ่งที่เชื่อมโยงเราไว้กับจักรวาลหรือสิ่งสูงสุด เชื่อมโยงเราไว้กับการดำรงอยู่ของสรรพสิ่งทั้งมวลนั้น ไม่ใช่ความรู้ ไม่ใช่ความร่ำรวย ไม่ใช่อำนาจ ไม่ใช่ยศตำแหน่ง และไม่ใช่เกียรติยศชื่อเสียง แต่เป็นความรักต่างหาก
เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกรัก เราจะรู้สึกว่ามีความสุขและมีความอบอุ่นอยู่ในใจ ชีวิตจะยิ่งกลายเป็นสิ่งที่มีไว้ให้เราและกลายเป็นพรมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะเรามัวแต่เอาพลังงานของชีวิตแทบทั้งหมด ไปมอบให้ผู้ชายเพียงคนเดียวหรือผู้หญิงเพียงคนเดียวเพราะตกเป็นทาสอำนาจความเสน่หา จนเกิดการละเลยต่อสิ่งอันสูงส่งเพราะความรักชนิดนั้นกลายเป็นสิ่งขวางกั้นต่อความรักอันงดงามชนิดนี้
เมื่อรู้จักรักชนิดนี้แล้ว เราจะรักเพื่อนมนุษย์โดยไม่มีความฝืนใจหรือแสดงไปตามมารยาทอย่างที่แสดงกันอยู่ในสังคมทั่วไป เราจะรักสัตว์ รักต้นไม้ รักก้อนหิน เราจะมอบความรักให้กับสรรพสิ่งได้อย่างกว้างไกลโดยไม่มีประมาณ
หากเราพยายามทำความเข้าใจและแสวงหาสิ่งที่อยู่ภายในตัวเรานี้ สายใยแห่งความรักจะเกิดมีขึ้นในหัวใจและไม่ต้องการแสวงหาสิ่งใดอีกแล้ว
เราจะพบว่าความรัก คือสิ่งที่มีค่าที่สุดและเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในการดำรงอยู่ของชีวิตเรา จงส่งเสริมให้ความรักนี้ผลิบานและเจริญงอกงาม ให้ความรักได้กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ เพื่อให้หมู่นกกาแห่งโลกทิพย์ได้มาอาศัยอยู่ภายในและขับขานเสียงเพลงทุกๆวัน
สายใยแห่งความรักจะทำให้หัวใจของเราเชื่อมโยมกับสรรพสิ่ง ความรักความเมตตาจะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ เพื่อให้นักเดินทางที่เหนื่อยล้าได้หยุดพักผ่อนในความรักที่สถิตอยู่ในหัวใจของเราอย่างไร้เงื่อนไขดุจน้ำในมหาสมุทรหรือท้องฟ้า
หัวใจเช่นนี้จะเกิดพลังสร้างสรรค์ และแบ่งปันสิ่งดีงามกับผู้คนในสิ่งที่เราได้พบมา แม้ว่าจะไม่อาจพูดออกมาด้วยวาจา แต่ก็แผ่รัศมีแห่งความรักความเมตตาออกมาเสมอ เพราะมีสายใยแห่งความรักเชื่อมโยงกับสรรพชีวิตทั้งมวลจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
คุรุอตีศะ
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘