พักหัวใจอยู่ในธรรม
- รายละเอียด
- หมวด: คติธรรม/ปรารภธรรม
พักหัวใจอยู่ในธรรม
เรื่องทางโลกย่อมมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่รู้จบสิ้น จงพากันหมั่นรักษาศีล ฟังธรรมเพื่อให้หัวใจของเราได้มีที่พึ่ง ข้อมูลข่าวสารทั้งหลาย ถึงรู้อะไรมากสักแค่ไหน ก็ไม่พ้นที่จะทำให้ใจเกิดความสับสนวุ่นวาย เรื่องราวเหตุการณ์จะดูใหญ่โตยิ่งใหญ่ จะดีหรือร้าย สุดท้ายก็กลับคืนสู่ความว่างเปล่าตามเดิม
หลักธรรมของชาวพุทธเดิมแท้คือความสันโดษ เรียบง่าย ความรักความเมตตาที่ประกอบด้วยสติปัญญาอันบริสุทธิ์ แต่ผู้คนทั้งหลายก็มักถูกเหล่ามารชักจูงหรือยุยงให้หลงผิดและเดินออกนอกทางของคำสอนของพระพุทธองค์โดยง่าย
ขันติธรรมและเมตตาธรรมคือความเป็นพุทธที่แท้จริง หากใช้ความรุนแรงก้าวร้าวก็จะกลายเป็นการปฏิบัติตามคำสอนของศาสดาอื่นที่ไม่ใช่องค์พุทธะโดยไม่ตั้งใจ
จงตั้งสติแล้วคิดทบทวนใหม่ว่าเราถูกใครยุยงหรือใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อทำลายบ้านของตัวเองที่เคยอาศัยอยู่มาหรือไม่ บางทีบารมีที่เคยพากเพียรสั่งสมมา จะช่วยค้ำจุนทำให้เกิดสติระลึกขึ้นมาได้ ให้เดินเข้าสู่เส้นทางแห่งพุทธะอันสว่างสงบร่มเย็นที่เคยเดิน
เพียงเท่าที่ผ่านมาบ้านเมืองและจิตใจของผู้คนก็บอบช้ำจนเกินพอแล้ว การใช้อำนาจและการแย่งชิงความเป็นใหญ่ของเหล่าผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ทั้งหลาย ถึงอย่างไรก็อย่าลืมนึกถึงชาวบ้านตาดำๆอีกมากมายที่เขาแทบไม่มีเงินยาไส้วันพรุ่งนี้
หากเขาทุกข์ยากเกินกว่าจะรับไหว เกิดการลุกฮือขึ้นมา จากที่เคยมีอำนาจก็อาจสูญสิ้นทุกอย่างทันทีทันใด เวรกรรมที่ทำกับคนยากจนไว้ ต่อไปอาจตกลงมาสู่ความยากจน
จงพากันสำนึกในดีชั่ว อย่าจมอยู่กับความหมองมัวและกิเลสตัณหา ภัยพิบัติกำลังจะตามมา หากยังพากันย่ำยีพระพุทธศาสนาไม่ว่างเว้น ห้าสิบปีนั้นนับว่าเพียงพอแล้วในการบีบคั้นคณะสงฆ์เสมือนเป็นคนโง่ที่คิดจะทำอะไรก็ทำไปตามใจ พระท่านไม่ได้โง่อย่างท่านดอกเตอร์ทั้งหลายปรามาสท่านไว้ เพียงแต่ท่านสำรวมใช้ขันติธรรมรักษาความสงบแห่งใจ ไม่ปรารถนาจะลดตัวลงไปท้าตีท้าต่อยและเล่นโคลนกับปุถุชนเท่านั้นเอง
ชาวพุทธทั้งหลายในยามนี้ก็อย่าไปหลงกลแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทะเลาะกันให้พวกอื่นที่เขาปั่นหัวให้เป็นจิ้งหรีดกัดกันอีกเลย สุดท้ายก็ไม่พ้นต้องบาดเจ็บหรือตายลงทั้งคู่ จงยึดถือคำของพระบรมครูที่ท่านทรงพร่ำสอนไม่ให้เบียดเบียนกล่าวร้ายให้ร้ายใครเป็นที่ตั้ง
อย่าอ้างเอาความเคร่งครัดพระวินัยเพื่อยกตนข่มท่าน แต่แท้ที่จริงแล้วมีความมุ่งหมายอันซ่อนเร้นและแฝงด้วยเล่ห์กลอยู่ภายใน เป็นพระป่าผู้เคร่งครัดในพระวินัย ก็อย่าหลงกลให้คนผู้ไม่หวังดียุยงปลุกปั่นหวังใช้เป็นเครื่องมือเพราะเขาหวังผลทางการเมือง
เราเป็นพระป่าเคร่งครัดพระวินัยและรักษาธุดงค์ก็เพื่อขัดเกลากิเลส แต่เรื่องของการบ้านการเมืองอันซับซ้อน เราก็ต้องยอมรับฐานะของเราว่าไม่อาจรู้เท่าทันชาวโลกและเรื่องของสังคมบ้านเมืองเหมือนพระบ้าน เหมือนคนเรียบร้อยอยู่แต่ในบ้านดุจไข่ในหิน ย่อมไม่รู้ว่าสังคมภายนอกนั้นโหดร้ายหรือซับซ้อนเพียงใด คนดีๆจำนวนมากจึงมักถูกชักจูงให้กลายเป็นคนเสียคนได้โดยง่าย หากคบคนพาลหลงผิดและขาดสติปัญญาเพราะไม่มีคนที่รักจริง
ขอให้ชาวพุทธทั้งมวลจงตั้งสติอย่าทะเลาะกัน เพราะนั่นจะไปเข้าแผนและเข้าทางของฝ่ายอื่น เขารอคอยมานานเพื่อจะได้เห็นเราทะเลาะกัน เพื่อจะได้ฉวยโอกาสเข้ามายึดบ้านของเรา ในขณะที่เรามัวทะเลาะกันตบตีกันและตะลุมบอนคลุกฝุ่นอยู่หน้าบ้าน
ใกล้วันมาฆบูชา ใกล้วันวิสาขบูชา ใกล้วันอาสาฬหบูชาวันเข้าพรรษา ไม่ว่าจะเป็นปีใดมีใครเคยสังเกตหรือไม่ว่า มักจะมีคนมาสร้างเรื่องปั่นจิ้งหรีดให้กัดกันและปล่อยข่าวของพระในทางที่เสียหาย เพื่อทำลายภาพพจน์ของพระพุทธศาสนามาเกือบตลอดยี่สิบปีแล้ว จงพากันปัดฝุ่นแล้วไปล้างหน้าล้างตา อย่าพากันหลงกลทะเลาะทำลายกันเองอีกต่อไป
จงพากันสงบใจและหมั่นบำเพ็ญภาวนา ก่อนที่ภัยพิบัติต่างๆจะเกิดขึ้น พระบ้านก็จงใช้ความรู้ความสามารถแก้ไขปัญหาในพระพุทธศาสนาอย่างทุ่มเทสุดชีวิต จงเห็นแก่พระศาสนาเหนือสิ่งอื่นใด อย่าเห็นแก่ลาภยศหรือความสบาย ปัญหาทั้งหลายก็จะแก้ไขได้
ส่วนพระป่าก็จงบำเพ็ญภาวนา อย่าออกจากป่ามาสู่สังคมที่แสนวุ่นวาย จงรักษาตบะธรรมอันบำเพ็ญได้แสนยากของเราไว้ หมั่นบำเพ็ญสมาธิภาวนาแล้วแผ่พลังแห่งเมตตาเพื่อช่วยพระพุทธศาสนาให้พ้นภัยและชนะมารทั้งปวง
แม้จะมีเรื่องราวอันหนักหน่วงเกิดขึ้นในชีวิตสักแค่ไหน แต่แล้วทุกอย่างก็สูญสลายไปกลายเป็นความว่างไม่มีเหลือ
ชีวิตของแต่ละคนช่างน้อยนัก ไม่นานก็ต้องอำลาจากโลกใบนี้ไป จะรักใคร่หรือหวงแหนยึดติดสักแค่ไหน สุดท้ายความตายก็ย่อมมาพรากทุกสิ่งไปจากทุกคน
อย่าหลงกลวิ่งตามกระแสโลก จะได้อะไร มีอะไร เป็นอะไรมากมายเพียงใด ย่อมไม่พ้นความทุกข์และความโศก จะแก่งแย่ง ต่อสู้ ชิงดีชิงเด่นกันสักแค่ไหน สุดท้ายแต่ละคนก็ได้โลงไปใบเดียว จงอย่าหลงวิ่งตามกิเลสในทางโลกจนลืมมุมสงบของพระพุทธองค์
จงพากันพักใจอยู่ในธรรมไว้เสมอเถิด จงเป็นชาวพุทธที่แท้จริงคืออยู่กับความรู้สึกที่รู้ ตื่น เบิกบานไว้เสมอ ขันติ เมตตา ปัญญา คือคาถาที่ควรท่องไว้เสมออยู่ในใจ
สิ่งสูงสุดที่ควรได้ในการเกิดมาชาตินี้หาใช่อำนาจวาสนา เกียรติยศ เงินทอง หรือตำแห่งอัครฐานแต่อย่างใด แต่คือการที่ดวงจิตนี้มีความอิสระ ปล่อยวางต่อความยึดติดทั้งปวงได้ เข้าสู่อริยภูมิอันเป็นแดนเกษม ที่ไม่ต้องมีความทุกข์ความหม่นหมอง เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวสุขวนเวียนอยู่ไม่รู้จบ ดังที่เราประสบอยู่วันแล้ววันเล่า
สภาวะแห่งพระนิพพาน คือความว่างจากการปรุงแต่ง ไม่มีพันธนาการและความร้อยรัดใดๆ เป็นสภาวะที่อยู่เหนือสุขเหนือทุกข์ เหนือความถูกความผิดตามโวหารของชาวโลก เป็นความสงบเย็นอันไม่มีความเศร้าหมองใดๆเจือปน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สุญญตา”
การให้ทาน รักษาศีล ฟังธรรม ปฏิบัติธรรมทั้งปวง จุดมุ่งหมายอันสูงสุดก็เพื่อการสละอัตตาคือความรู้สึกว่ามีตัวเราของเราเสียได้ ไปสู่ความเป็นอนัตตา
จนกระทั่งจิตดวงนี้ใสสะอาดบริสุทธิ์ด้วยสติ ปล่อยวางสรรพสิ่งทั้งมวลเสียได้ กลายเป็นความว่างอันยิ่งใหญ่หรือสุญญตา อันเป็นสภาวะที่อยู่เหนือคำพูดหรือคำอธิบายใดๆ
คุรุอตีศะ
๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘