พักหัวใจอยู่ในธรรม

พักหัวใจอยู่ในธรรม

 

 

 

                   เรื่องทางโลกย่อมมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่รู้จบสิ้น   จงพากันหมั่นรักษาศีล  ฟังธรรมเพื่อให้หัวใจของเราได้มีที่พึ่ง   ข้อมูลข่าวสารทั้งหลาย ถึงรู้อะไรมากสักแค่ไหน  ก็ไม่พ้นที่จะทำให้ใจเกิดความสับสนวุ่นวาย   เรื่องราวเหตุการณ์จะดูใหญ่โตยิ่งใหญ่  จะดีหรือร้าย  สุดท้ายก็กลับคืนสู่ความว่างเปล่าตามเดิม


                    หลักธรรมของชาวพุทธเดิมแท้คือความสันโดษ เรียบง่าย ความรักความเมตตาที่ประกอบด้วยสติปัญญาอันบริสุทธิ์  แต่ผู้คนทั้งหลายก็มักถูกเหล่ามารชักจูงหรือยุยงให้หลงผิดและเดินออกนอกทางของคำสอนของพระพุทธองค์โดยง่าย


                    ขันติธรรมและเมตตาธรรมคือความเป็นพุทธที่แท้จริง  หากใช้ความรุนแรงก้าวร้าวก็จะกลายเป็นการปฏิบัติตามคำสอนของศาสดาอื่นที่ไม่ใช่องค์พุทธะโดยไม่ตั้งใจ


                   จงตั้งสติแล้วคิดทบทวนใหม่ว่าเราถูกใครยุยงหรือใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อทำลายบ้านของตัวเองที่เคยอาศัยอยู่มาหรือไม่  บางทีบารมีที่เคยพากเพียรสั่งสมมา จะช่วยค้ำจุนทำให้เกิดสติระลึกขึ้นมาได้  ให้เดินเข้าสู่เส้นทางแห่งพุทธะอันสว่างสงบร่มเย็นที่เคยเดิน


                     เพียงเท่าที่ผ่านมาบ้านเมืองและจิตใจของผู้คนก็บอบช้ำจนเกินพอแล้ว  การใช้อำนาจและการแย่งชิงความเป็นใหญ่ของเหล่าผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ทั้งหลาย  ถึงอย่างไรก็อย่าลืมนึกถึงชาวบ้านตาดำๆอีกมากมายที่เขาแทบไม่มีเงินยาไส้วันพรุ่งนี้


                      หากเขาทุกข์ยากเกินกว่าจะรับไหว เกิดการลุกฮือขึ้นมา จากที่เคยมีอำนาจก็อาจสูญสิ้นทุกอย่างทันทีทันใด  เวรกรรมที่ทำกับคนยากจนไว้  ต่อไปอาจตกลงมาสู่ความยากจน


                      จงพากันสำนึกในดีชั่ว  อย่าจมอยู่กับความหมองมัวและกิเลสตัณหา  ภัยพิบัติกำลังจะตามมา  หากยังพากันย่ำยีพระพุทธศาสนาไม่ว่างเว้น  ห้าสิบปีนั้นนับว่าเพียงพอแล้วในการบีบคั้นคณะสงฆ์เสมือนเป็นคนโง่ที่คิดจะทำอะไรก็ทำไปตามใจ  พระท่านไม่ได้โง่อย่างท่านดอกเตอร์ทั้งหลายปรามาสท่านไว้  เพียงแต่ท่านสำรวมใช้ขันติธรรมรักษาความสงบแห่งใจ  ไม่ปรารถนาจะลดตัวลงไปท้าตีท้าต่อยและเล่นโคลนกับปุถุชนเท่านั้นเอง


                          ชาวพุทธทั้งหลายในยามนี้ก็อย่าไปหลงกลแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทะเลาะกันให้พวกอื่นที่เขาปั่นหัวให้เป็นจิ้งหรีดกัดกันอีกเลย  สุดท้ายก็ไม่พ้นต้องบาดเจ็บหรือตายลงทั้งคู่   จงยึดถือคำของพระบรมครูที่ท่านทรงพร่ำสอนไม่ให้เบียดเบียนกล่าวร้ายให้ร้ายใครเป็นที่ตั้ง


                          อย่าอ้างเอาความเคร่งครัดพระวินัยเพื่อยกตนข่มท่าน  แต่แท้ที่จริงแล้วมีความมุ่งหมายอันซ่อนเร้นและแฝงด้วยเล่ห์กลอยู่ภายใน   เป็นพระป่าผู้เคร่งครัดในพระวินัย  ก็อย่าหลงกลให้คนผู้ไม่หวังดียุยงปลุกปั่นหวังใช้เป็นเครื่องมือเพราะเขาหวังผลทางการเมือง


                          เราเป็นพระป่าเคร่งครัดพระวินัยและรักษาธุดงค์ก็เพื่อขัดเกลากิเลส  แต่เรื่องของการบ้านการเมืองอันซับซ้อน เราก็ต้องยอมรับฐานะของเราว่าไม่อาจรู้เท่าทันชาวโลกและเรื่องของสังคมบ้านเมืองเหมือนพระบ้าน  เหมือนคนเรียบร้อยอยู่แต่ในบ้านดุจไข่ในหิน ย่อมไม่รู้ว่าสังคมภายนอกนั้นโหดร้ายหรือซับซ้อนเพียงใด  คนดีๆจำนวนมากจึงมักถูกชักจูงให้กลายเป็นคนเสียคนได้โดยง่าย  หากคบคนพาลหลงผิดและขาดสติปัญญาเพราะไม่มีคนที่รักจริง


                          ขอให้ชาวพุทธทั้งมวลจงตั้งสติอย่าทะเลาะกัน เพราะนั่นจะไปเข้าแผนและเข้าทางของฝ่ายอื่น  เขารอคอยมานานเพื่อจะได้เห็นเราทะเลาะกัน  เพื่อจะได้ฉวยโอกาสเข้ามายึดบ้านของเรา   ในขณะที่เรามัวทะเลาะกันตบตีกันและตะลุมบอนคลุกฝุ่นอยู่หน้าบ้าน


                           ใกล้วันมาฆบูชา  ใกล้วันวิสาขบูชา ใกล้วันอาสาฬหบูชาวันเข้าพรรษา  ไม่ว่าจะเป็นปีใดมีใครเคยสังเกตหรือไม่ว่า  มักจะมีคนมาสร้างเรื่องปั่นจิ้งหรีดให้กัดกันและปล่อยข่าวของพระในทางที่เสียหาย เพื่อทำลายภาพพจน์ของพระพุทธศาสนามาเกือบตลอดยี่สิบปีแล้ว  จงพากันปัดฝุ่นแล้วไปล้างหน้าล้างตา  อย่าพากันหลงกลทะเลาะทำลายกันเองอีกต่อไป


                           จงพากันสงบใจและหมั่นบำเพ็ญภาวนา  ก่อนที่ภัยพิบัติต่างๆจะเกิดขึ้น  พระบ้านก็จงใช้ความรู้ความสามารถแก้ไขปัญหาในพระพุทธศาสนาอย่างทุ่มเทสุดชีวิต  จงเห็นแก่พระศาสนาเหนือสิ่งอื่นใด   อย่าเห็นแก่ลาภยศหรือความสบาย  ปัญหาทั้งหลายก็จะแก้ไขได้


                           ส่วนพระป่าก็จงบำเพ็ญภาวนา อย่าออกจากป่ามาสู่สังคมที่แสนวุ่นวาย  จงรักษาตบะธรรมอันบำเพ็ญได้แสนยากของเราไว้  หมั่นบำเพ็ญสมาธิภาวนาแล้วแผ่พลังแห่งเมตตาเพื่อช่วยพระพุทธศาสนาให้พ้นภัยและชนะมารทั้งปวง


                           แม้จะมีเรื่องราวอันหนักหน่วงเกิดขึ้นในชีวิตสักแค่ไหน  แต่แล้วทุกอย่างก็สูญสลายไปกลายเป็นความว่างไม่มีเหลือ


                           ชีวิตของแต่ละคนช่างน้อยนัก  ไม่นานก็ต้องอำลาจากโลกใบนี้ไป   จะรักใคร่หรือหวงแหนยึดติดสักแค่ไหน  สุดท้ายความตายก็ย่อมมาพรากทุกสิ่งไปจากทุกคน


                           อย่าหลงกลวิ่งตามกระแสโลก  จะได้อะไร มีอะไร  เป็นอะไรมากมายเพียงใด  ย่อมไม่พ้นความทุกข์และความโศก  จะแก่งแย่ง ต่อสู้  ชิงดีชิงเด่นกันสักแค่ไหน  สุดท้ายแต่ละคนก็ได้โลงไปใบเดียว   จงอย่าหลงวิ่งตามกิเลสในทางโลกจนลืมมุมสงบของพระพุทธองค์


                            จงพากันพักใจอยู่ในธรรมไว้เสมอเถิด   จงเป็นชาวพุทธที่แท้จริงคืออยู่กับความรู้สึกที่รู้ ตื่น เบิกบานไว้เสมอ   ขันติ  เมตตา  ปัญญา คือคาถาที่ควรท่องไว้เสมออยู่ในใจ


                            สิ่งสูงสุดที่ควรได้ในการเกิดมาชาตินี้หาใช่อำนาจวาสนา เกียรติยศ เงินทอง  หรือตำแห่งอัครฐานแต่อย่างใด  แต่คือการที่ดวงจิตนี้มีความอิสระ ปล่อยวางต่อความยึดติดทั้งปวงได้  เข้าสู่อริยภูมิอันเป็นแดนเกษม ที่ไม่ต้องมีความทุกข์ความหม่นหมอง เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวสุขวนเวียนอยู่ไม่รู้จบ ดังที่เราประสบอยู่วันแล้ววันเล่า


                            สภาวะแห่งพระนิพพาน คือความว่างจากการปรุงแต่ง  ไม่มีพันธนาการและความร้อยรัดใดๆ  เป็นสภาวะที่อยู่เหนือสุขเหนือทุกข์  เหนือความถูกความผิดตามโวหารของชาวโลก  เป็นความสงบเย็นอันไม่มีความเศร้าหมองใดๆเจือปน  เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สุญญตา”


                             การให้ทาน  รักษาศีล  ฟังธรรม  ปฏิบัติธรรมทั้งปวง  จุดมุ่งหมายอันสูงสุดก็เพื่อการสละอัตตาคือความรู้สึกว่ามีตัวเราของเราเสียได้  ไปสู่ความเป็นอนัตตา


                           จนกระทั่งจิตดวงนี้ใสสะอาดบริสุทธิ์ด้วยสติ ปล่อยวางสรรพสิ่งทั้งมวลเสียได้  กลายเป็นความว่างอันยิ่งใหญ่หรือสุญญตา  อันเป็นสภาวะที่อยู่เหนือคำพูดหรือคำอธิบายใดๆ

 

 

                                                                             คุรุอตีศะ
                                                                    ๒๔  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๘