ศาสนาที่เที่ยงแท้

ศาสนาที่เที่ยงแท้

 

 

 

                การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า  คือต้นลำธารของการเกิดขึ้นของพระพุทธศาสนา  หากเจ้าชายสิทธัตถะไม่บรรลุธรรม  เข้าถึงสภาวะแห่งพุทธะที่รู้ ตื่น เบิกบาน  พระพุทธศาสนาก็ย่อมไม่มีโอกาสอุบัติขึ้นมาในโลก   สิ่งอันยิ่งใหญ่มากมายในโลกนี้มักเริ่มต้นมาจากคนเพียงคนเดียว


                ศาสนาพุทธที่แท้จริงก็เริ่มต้นมาจากบุคคลเพียงคนเดียว  แต่พลังแห่งความรักความเมตตาและพลังแห่งสติปัญญาที่มีอย่างเต็มเปี่ยมในพระองค์  จึงค่อยๆแผ่รัศมีแห่งความดีงามสูงส่งออกไปทีละน้อย  ทีละคนสองคนในภายหลัง  หลังจากนั้นคำสอนเหล่านั้นจึงได้รับการสืบทอดมาเป็นเวลาถึงสองพันหกร้อยปีและกว้างไกลแผ่ขยายออกไปทั่วทั้งโลก


                ศาสนาที่แท้จริงจึงไม่ได้อยู่ที่ไหน  แต่อยู่ที่ใจของเราในขณะนี้ที่ได้พบกับความสะอาด สว่าง สงบ  ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด


                ศาสนาของพระพุทธองค์ที่ทรงเทศนาตรัสสอนพระสาวกกลุ่มแรก ก็เริ่มต้นจากการแสดงธรรมแก่คนเพียง ๕ คนเท่านั้น คือ “พระปัญจวัคคีย์”  หลังจากนั้นจึงเกิดพลังความเลื่อมใสศรัทธาของมหาชนตามลำดับ ทำให้เกิดวัดวาอาราม เกิดกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกันหรือการวางหลักพระธรรมวินัย  เกิดองค์กรหรือการบริหารงานทางศาสนาต่างๆตามมา  โดยที่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เริ่มต้นมาจากบุคคลเพียงคนเดียวการที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้หรือบรรลุธรรม


                  หลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา เมื่อความเจริญเติบโตของมวลชนสาวกบริวารและความเจริญทางวัตถุความสะดวกสบายมีมากขึ้น  ก็ต้องถึงยุคหนึ่งที่ศาสนาเกิดความเสื่อมโทรมเพราะสาวกทั้งหลายจะพากันติดความสะดวกสบายทางวัตถุและติดใจหลงใหลในลาภสักการะ


                 ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ก็จะพากันละเลยศาสนธรรมคำสั่งสอนอันเป็นแก่นแท้  ทำให้เกิดการประพฤติปฏิบัติผิดเพี้ยนไปจากพระธรรมวินัย  บางพวกก็บิดเบือนพระธรรมวินัยเพื่อเข้าข้างกิเลส อันเป็นสาเหตุให้เกิดการทำสังคายนาเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนา


                 การจรรโลงรักษาพระพุทธศาสนาของพระมหาเถระแต่อดีตกาลนั้น  ดังที่ปรากฏในพระไตรปิฎกว่าด้วยการสังคายนาครั้งที่ ๓ เมื่อประมาณ พ.ศ. ๓๐๐  ก็ยังปรากฏว่ามีคนปลอมเข้ามาบวชเพื่อการเลี้ยงชีพหรือแสวงหาอำนาจ เพราะความอุดมสมบูรณ์ของลาภสักการะที่เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา นอกจากนั้นความรุ่งเรืองของพุทธศาสนายังเป็นที่ริษยาของศาสนาอื่นในเวลานั้น จึงพากันแฝงตัวเข้ามาบวชและแทรกซึมในองค์กรทางการเมืองและองค์กรทางศาสนาเพื่อบ่อนทำลาย  จึงทำให้เกิดการสังคายนาครั้งใหญ่  และตามประวัติที่ท่านกล่าวไว้  ในครั้งนั้นมีการจับพระสึกถึง ๖๐,๐๐๐ รูปด้วยกัน  หลังจากนั้นพระพุทธศาสนาจึงมาสู่สุวรรณภูมิ


                ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา  จึงหาใช่สิ่งที่จะเพิ่งเคยเกิดขึ้นในยุคนี้   พวกเราหลายคนอาจจะเคยเกิดในยุคสมัยนั้นมาแล้วก็ได้  แต่เพราะไม่อาจตัดขาดซึ่งตัวตัณหาอุปาทานและกิเลสทั้งปวงได้ตามอย่างพระอรหันต์  จึงต้องพากันเกิดชาติแล้วชาติเล่าเพื่อเรียนรู้เรื่องจิตให้จบ  แล้วก็ต้องได้มาประสบกับเหตุการณ์ต่างๆดังที่เป็นอยู่


                ผลพวงจากการออกพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ร.ศ. ๑๒๑ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่ต้องรวบอำนาจทั้งปวงเข้าสู่ส่วนกลางด้วยเหตุผลทางการเมือง คณะสงฆ์ไทยจากแต่เดิมซึ่งเป็นเรื่องของความเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนในท้องถิ่นตามธรรมชาติ ก็ต้องมาอยู่ภายใต้อำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์และการเมืองการปกครองจากกรุงเทพมหานครเป็นหลัก  ทำให้เกิดเคราะห์กรรมแก่พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพราะเป็นที่เลื่อมใสแก่ประชาชนจำนวนมาก  จึงกลายเป็นที่หวาดระแวงของฝ่ายบ้านเมือง  อย่างเช่นกรณีของครูบาศรีวิชัย เป็นตัวอย่างแรกเริ่ม


                  นี้คือตัวอย่างของการพูดถึงเรื่องความเป็นมาขององค์กรทางศาสนา และการบริหารงานของคณะสงฆ์ไทยก่อนจะมีผลสืบเนื่องมามีลักษณะเช่นที่เห็นอยู่ทุกวันนี้

 
                  ความจริงแล้ว  ตามอุดมคติในการออกบวชในทางพระพุทธศาสนา  ก็เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า  มีเจตนาเพื่อการสละความยินดีทางโลก  ด้วยเหตุนี้   ผู้คนทั้งหลายแม้แต่บิดามารดา จึงต้องก้มลงกราบบุตรชายที่บวชเป็นพระภิกษุแล้ว  เพราะถือว่าอยู่ในเพศที่สูงส่งและกลายเป็นพุทธบุตรคือเป็นบุตรของพระพุทธองค์ไปแล้ว  ที่ผู้คนยินดีกราบไหว้และรู้สึกว่าเป็นบุญ ก็เพราะถือว่าบุคคลผู้ครองผ้ากาสาวพัสตร์นั้นคือผู้สละฆราวาสวิสัย มุ่งสู่พระนิพพาน


                   เมื่อลาภสักการะและความอุดมสมบูรณ์ในพระพุทธศาสนามีมากขึ้น  อุดมคติในการบวชเช่นนี้ก็เริ่มหายไป  กลายเป็นบวชด้วยเหตุผลอื่นมากกว่า  เพราะเหตุนี้ผู้คนจึงเริ่มคลายความเลื่อมใสศรัทธาในพระสงฆ์  อันเป็นธรรมดาที่เมื่อถึงเวลา เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างสุกงอมก็ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป


                  ด้วยเหตุนี้  การเปลี่ยนแปลงทางองค์กรพระพุทธศาสนา  ถึงอย่างไรเสียก็ต้องมีการปฏิรูปครั้งใหญ่อย่างไม่มีทางเลือกต่อไปอีกแล้ว  เพียงแต่ควรเริ่มต้นจากพระมหาเถระผู้มีเจตนาบริสุทธิ์ในการดำรงพระธรรมวินัย  ไม่ใช่ปล่อยให้ฆราวาสมาใช้กฎหมายบีบบังคับตามวิสัยแบบชาวโลก  หากเป็นเช่นนั้น  การปฏิรูปพระพุทธศาสนาจะไม่มีทางเกิดขึ้นจริงได้เลย


                 สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืม  คือการระลึกอยู่เสมอว่า ตัวศาสนาที่แท้จริงนั้น คือใจที่สะอาด สว่าง สงบ  และความมีสติปัญญา พร้อมตระหนักรู้ในความเป็นพุทธะคือรู้ ตื่น เบิกบาน ในขณะนี้ไว้เสมอ


                 หลักการของพระพุทธศาสนาที่แท้จริงนั้นไม่มีชนชั้นวรรณะ ไม่มีการแสวงหาอำนาจความเป็นใหญ่หรือความมีบริวาร  ไม่มีการกดขี่ดูหมิ่นสตรีเพศแต่อย่างใด


                 วัดวาอาราม  อำนาจ  เงินทอง บริวาร หรือความเลื่อมใสทั้งหลาย  ยังเป็นเพียงสิ่งภายนอก ประดุจเปลือกและกะพี้อันแข็งแรงที่จะช่วยถนอมรักษาเนื้อไม้และแก่นของต้นไม้ไว้  ซึ่งสำหรับผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนนี้ก็ต้องดำเนินการไปด้วยสติ ความรอบคอบ หยั่งรู้ในเหตุการณ์ในภายภาคหน้า พร้อมทั้งต้องกระทำไปด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์


                 ส่วนศาสนาที่เที่ยงแท้ ที่ไม่อาจมีใครหรือสิ่งใดมาทำลายได้ เป็นศาสนาที่อยู่คู่กับตัวเราทุกลมหายใจ  คือการมีสติระลึกรู้อยู่เสมอถึงสัจธรรมอันแท้จริงอยู่ภายใน  นั่นคือผู้ที่จริงใจต่อศาสนาที่แท้จริง


                ท่านผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่เหล่านั้นย่อมได้ชื่อว่า เป็นผู้ดำรงพระศาสนา แม้ว่าบางท่านอาจจะอยู่ในป่าตามลำพังและไม่มีลูกศิษย์หรือบริวารแม้แต่คนเดียว

 

 

                                                                          คุรุอตีศะ
                                                                   ๒๓  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๘