ปรารภธรรม:แด่มนุษย์ผู้เบื่อหน่าย

แด่มนุษย์ผู้เบื่อหน่าย

 

 

                    นกไม่รู้จักความเบื่อหน่าย แมว สุนัขและสัตว์ทั้งหลายไม่รู้จักความเบื่อหน่าย มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่รู้จักคำว่าเบื่อหน่าย นี้คือความแตกต่างกันของสัตว์และมนุษย์


                    นก แมว สุนัข ชีวิตในแต่ละวันดูเขามีแต่ความสุข มีแต่มนุษย์ที่บางวันก็มีความสุข บางวันก็ไร้ความสุข และมนุษย์ส่วนใหญ่ก็มักมีแต่คนผู้ไร้ความสุขเสียด้วย


                    ความมั่นคงปลอดภัย ทำให้ชีวิตน่าเบื่อหน่าย นี้คือสิ่งที่ผู้คนไม่เคยเฉลียวใจว่าความเบื่อหน่ายเกิดจากความมั่นคงปลอดภัย ที่ไม่มีอะไรให้ชีวิตต้องผจญภัยอีกแล้ว


                    คนจนไม่ค่อยรู้สึกว่าชีวิตน่าเบื่อหน่าย เพราะชีวิตเต็มไปด้วยการผจญภัย ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีข้าวสารหรืออาหารกินอิ่มท้องไหม คนในครอบครัวเจ็บป่วยจะหาเงินที่ไหนหรือจะรักษากันด้วยวิธีใด ส่วนคนรวยนั้นไม่มีอะไรจะต้องลุ้นว่าพรุ่งนี้จะกินอะไร ความเบื่อหน่ายส่วนใหญ่จึงมักเกิดกับคนที่มีของใช้เต็มบ้านและมีของกินมากมายที่ไม่รู้จะซุกไว้ตรงไหนเต็มตู้เย็น


                    ความเบื่อหน่ายมักเกิดกับบุคคลที่มีเงินจ่ายค่าอินเตอร์เน็ต ความเบื่อหน่ายมักเกิดกับผู้มีเวลาว่างมากมายจึงหันไปเล่นไลน์เล่นเฟซบุ๊ค แต่ความเบื่อหน่ายไม่ค่อยเกิดกับชาวกัมพูชาที่พยายามหลบหนีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเข้าไปกลางกรุง เพื่อทำงานก่อสร้างด้วยหวังว่าจะได้มีเงินส่งไปบ้านเพื่อซื้อสังกะสีมุงหลังคาก่อนจะถึงเดือนห้าเพื่อทำบุญวันสงกรานต์


                    ประเทศที่ยังยากจนผู้คนในประเทศนั้นจะไม่ค่อยรู้จักความเบื่อหน่าย เพราะยังมีสิ่งที่จะให้ทำ ให้ต่อสู้อีกมากมาย พวกเขารู้สึกว่ายังมีอะไรอีกหลายอย่างให้ไขว่คว้าและเต็มเปี่ยมด้วยความหวัง ความเบื่อหน่ายมักเกิดกับผู้คนในประเทศที่เจริญทางวัตถุหรือร่ำรวยแล้ว คนจนมักเปี่ยมด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งชีวิตของตัวเองจะได้อยู่ดีกินดี แต่คนรวยหรือคนที่อยู่ดีกินดี มักเป็นผู้สิ้นหวังเพราะอะไรที่เคยต้องการก็ได้ก็มีจนหมดแล้ว


                    เจ้าชายสิทธัตถะคือตัวอย่างของคนที่มีความสุขที่สุดในโลก แล้วต่อมาก็ทรงเบื่อหน่ายอย่างที่สุด พระองค์มีทุกสิ่งที่มนุษย์จะพึงหาได้ และก็ได้เสวยจนหมดแล้ว ในที่สุดพระองค์จึงทรงเบื่อหน่ายแล้วมองเห็นสิ่งเหล่านั้นไม่มีแก่นสารสาระอันใด มนุษย์ทุกคนไม่ว่าหญิงหรือชาย สุดท้ายก็เกิด แก่ เจ็บ ตาย กลับคืนสู่ความเป็นผู้มีมือเปล่าเหมือนตอนที่เกิดมา


                   เมื่อพระองค์เสด็จออกจากวังเพื่อแสวงหาโมกขธรรมความหลุดพ้น ก็ใช่ว่าพระองค์จะสิ้นความเบื่อหน่ายดังที่เคยคิดไว้แต่แรกก็หาไม่ ตลอดเวลาหกปีพระองค์ทรงผจญกับความเบื่อหน่ายอย่างสุดชีวิตสุดจิตใจ จนจิตแทงตลอดและพ้นจากอุปาทานเสียได้ด้วยอานุภาพแห่งการเจริญสติสมาธิภาวนา หลังจากนั้นตลอดพระชนมชีพจึงไม่ทรงมีความเบื่อหน่ายอีกเลย


                    เพราะเหตุที่ความเบื่อหน่ายทำให้มนุษย์ทั้งหลายในโลกมีความทุกข์ ด้วยเหตุนี้จึงมีเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์หรือเครื่องดองของมึนเมาเพื่อให้มนุษย์ได้คลายเครียด อบายมุขและการพนันทั้งปวงก็ล้วนถือกำเนิดขึ้นมา เพราะมนุษย์ผู้ไม่มีความสุขอันเกิดจากความเบื่อหน่ายนี้เอง พวกเขาจึงกินเหล้า เล่นไพ่ เล่นการพนัน สังสรรค์เฮฮาสารพัดวิธีกันไป พอให้ชีวิตลืมความทุกข์ไปได้ในแต่ละวัน เพราะหัวใจของเขารู้สึกกลวงเปล่าและไร้ความสุขนั่นเอง


                   การที่ชีวิตจะพ้นไปจากความเบื่อหน่าย จึงมีสองทางให้เลือก ทางเลือกที่หนึ่งคืออยู่กับอบายมุขหรือหาเรื่องเที่ยวเตร่เรื่อยไป ซึ่งเป็นวิสัยที่คนทั่วไปนิยมทำกันอยู่แล้ว


                   ทางเลือกที่สอง คือการหันมาปฏิบัติเจริญสติสมาธิภาวนา ทางสายนี้เป็นเส้นทางอันปลอดภัยและประเสริฐยิ่งกว่า และเป็นเส้นทางที่พระอริยเจ้าทั้งหลายท่านพาเดิน


                   ชีวิตที่มั่นคงเกินไป ย่อมทำให้ผู้คนเกิดความเบื่อหน่าย แต่ก็น้อยคนนักที่จะเลือก "ชีวิตที่ไม่มีหลักประกันความมั่นคง" ตามอย่างพระอรหันต์ทั้งหลาย เราจะเอาชีวิตที่มั่นคงด้วยและก็ไม่มีความเบื่อหน่ายด้วย นี้คือความขัดแย้งของชีวิตอยู่ข้างใน ไม่มีใครยอมรับความจริงว่า ชีวิตที่จะไม่มีความเบื่อหน่าย ก็คือชีวิตที่ได้ผจญภัยและอยู่กับความไม่มั่นคงอะไรไปแต่ละวัน


                    ชีวิตของพระธุดงค์ที่เดินด้วยเท้าเปล่ากลางป่าองค์เดียวเพื่อมุ่งขัดเกลากิเลส คือตัวอย่างอันเยี่ยมยอดของการมีชีวิตที่ไม่มีความมั่นคงและไม่มีความปลอดภัย ไม่รู้ว่าจะมีสัตว์ร้ายมาทำร้าย ช้างเหยียบหรือเสือคาบไปกินและจะรอดตายไหมในคืนนี้ วันพรุ่งนี้จะบิณฑบาตได้อาหารพออิ่มท้องพอประทังความหิวหรือไม่ จะได้มีโอกาสซักจีวรให้หายเหม็นในวันใด นั่นคือการฝึกใจอันยิ่งใหญ่ที่บุรุษอาชาไนยได้เผชิญก่อนจะมาเป็นอาจารย์ของผู้คน


                    เราไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตที่ไม่มั่นคงถึงขนาดนั้น เพราะนั่นคือวิถีของชีวิตของครูบาอาจารย์ผู้เกิดมาเพื่อทำหน้าที่บางอย่าง เมื่อเราทราบสาเหตุของความเบื่อหน่ายตามที่กล่าวมาว่าเป็นเพราะหัวใจของเรากำลังหลงทาง เราขาดการสร้างกุศลในชีวิตประจำวันและขาดการใช้ชีวิตอย่างเต็มเปี่ยมในการมีสติรู้สึกตัว จงมีเริ่มต้นมีสติรู้ตัว ความหมองมัวจะหมดไป


                    หากชีวิตเกิดความเบื่อหน่าย นั่นคือเริ่มต้นสายธารแห่งความรู้แจ้ง ขอให้ตระหนักรู้ที่กายและใจของเราขณะนี้ เมื่อเรารู้ทางที่สองว่าเป็นทางอันประเสริฐ เราจงตัดขาดจากทางที่หนึ่งที่ปุถุชนพากันหมกจมอยู่กับอบายมุขและสิ่งยั่วยวนเหล่านั้นอยู่แล้วทั่วทั้งโลก


                    การเสพของมึนเมา เล่นการพนัน การเที่ยวกลางคืน การเที่ยวเตร่ หรือการหาความสุขจากกิเลส คือการทำให้ตัวเองมึนเมาเพื่อลืมความทุกข์และเพลิดเพลินได้ชั่วคราว แต่หลังจากนั้นปัญหาชีวิตจะรุมเร้าและนำความทุกข์สารพันมาให้หลายเท่าตัว จึงมัก"สุก"มากกว่า


                    จงทิ้งความเบื่อหน่ายในชีวิตด้วยวิธีตามเส้นทางอริยมรรคที่ท่านชี้ทางไว้ หากอยู่บ้านมีแต่ความจำเจและน่าเบื่อหน่ายมากเกินไป จงหัดไปบำเพ็ญบารมีรักษาศีล ฝึกการให้การบริจาคให้กลายเป็นนิสัยจนเคยชิน รู้จักขวนขวายในการช่วยเหลืองานศาสนาหรือช่วยเหลือคนอื่นด้วยความสุขใจ ความเบื่อหน่ายจะหายไปจากชีวิตของเรา หัวใจจะชื่นบาน


                    บุคคลที่มีความเบื่อหน่าย หากปฏิบัติการเจริญสติสมาธิภาวนาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ความเบื่อหน่ายตามธรรมดาทั่วไป จะกลายเป็น "นิพพิทาญาณ" อันจะนำไปสู่การรู้แจ้ง การระลึกรู้ตัวอยู่เสมอจะทำให้เกิดสติเจริญขึ้นตามลำดับ ความเบิกบานยินดีจะอุบัติขึ้น



                     ชีวิตที่แท้จริงย่อมมีการเลื่อนไหลดุจสายน้ำ แต่ผู้คนส่วนใหญ่มักพอใจที่จะเป็นน้ำอันขุ่นข้นในสระหรือในหนองซึ่งไม่มีทางไหลออกและคับแคบ จงให้ชีวิตมีการผจญภัยบ้างอย่าเอาแต่หวาดกลัววันพรุ่งนี้และอนาคตมากเกินไป ให้ชีวิตได้ไหลไปโดยอิสระดุจน้ำใสในท้องนที


                     คนมีปัญญามักจะมีความเบื่อหน่ายง่าย เพราะใจไม่เพลิดเพลินหลงติดในสิ่งใดได้นาน มักเกิดสติปัญญามองเห็นความไม่เที่ยงแท้ ความไม่มั่นคง ความไม่มีแก่นสารของชีวิตและสิ่งต่างๆ ความเบื่อหน่ายจึงทำให้จิตจึงโน้มไปสู่การแสวงหาพระนิพพาน สู่การรู้แจ้งในสัจธรรมของชีวิตเป็นจุดหมาย นี้คือคุณของความเบื่อหน่ายของผู้ปฏิบัติการเจริญสติสมาธิภาวนา


                    ในที่สุดความเบื่อหน่ายในชีวิตที่เคยมีอย่างมากมายท่วมท้น จะกลายเป็นพลังแห่งความหลุดพ้นและพลังแห่งความปีติยินดี เป็นความเบิกบานที่ไม่ต้องอาศัยปัจจัยภายนอก ไม่ต้องอาศัยใครมามอบความสุขให้ เพราะเป็นความเบิกบานที่เกิดขึ้นจากตัวเราเองข้างใน ความเบิกบานชนิดนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วแก่บุคคลใด บุคคลนั้นจะไม่ปรารถนาและต้องการความสุขสนุกสนานแบบชาวโลกหรือแบบปุถุชนอีก


                    ด้วยเหตุนี้ คำตรัสของพระตถาคตเจ้า อันเป็นอมตะวาจามาเป็นเวลาถึงสองพันหกร้อยปี จึงมีไว้เป็นสักขีพยาน และเป็นมรดกทางจิตวิญาณของชาวโลกตลอดมาว่า


                   "นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง สุขอื่นใดในโลก จะสุขเท่าความสงบแห่งใจเป็นไม่มี"

 

 

                                                                               คุรุอตีศะ
                                                                        ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘