ปรารภธรรม:นักบุญแห่งอีสานใต้

นักบุญแห่งอีสานใต้

 

 



                     หลวงปู่ผาด ฐิติปญฺโญ วัดบ้านกรวด ตำบลบ้านกรวด อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ละสังขารเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๘ ขณะมีอายุได้ ๑๐๓ ปี


                     หลังจากข่าวการละสังขารของหลวงปู่แพร่ออกไปตามสื่อมวลชน ผู้คนก็หลั่งไหลไปกราบลาสรีระสังขารของหลวงปู่ไม่ขาดสาย แต่สิ่งหนึ่งที่ข่าวคราวได้แพร่ออกไป คือเมื่อเปิดกุฏิหลวงปู่ ได้พบเงินสดในกุฏิถึง ๗ ล้านบาท และเมื่อตรวจสอบบัญชีของทางวัด ปรากฏว่าวัดมีเงินในธนาคารถึง ๓๖ ล้านบาทด้วยกัน


                     การออกข่าวเรื่องเงินทองของวัดบ้านกรวด ผลดีก็คือการทำทรัพย์สินของทางวัดให้เกิดความโปร่งใสโดยให้สาธารณชนได้รับรู้ และเป็นที่ปลื้มปีติยินดีของเหล่าศิษย์ผู้มีความเลื่อมใสศรัทธาต่อหลวงปู่อย่างแท้จริง ที่หลวงปู่ผู้เป็นนักบุญแห่งอีสานใต้ได้เป็นสงฆ์สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงแห่งยุคสมัย สามารถสร้างและดำรงศรัทธาต่อมหาชน จนทำให้เกิดลาภและสักการะเกิดขึ้นเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนาได้อย่างยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้


                    ส่วนผู้ที่มีจริตปัญญามากแต่ศรัทธาน้อยแบบนักวิทยาศาสตร์ หรือเป็นคนสมัยใหม่ที่มักมีนิสัยโน้มเอียงไปในทางชอบลังเลสงสัยต่อพระสงฆ์หรือเรื่องในทางศาสนา หรือเป็นผู้ที่มีพื้นนิสัยเป็นคนไม่ค่อยมีความเลื่อมใสศรัทธา ก็อาจมีจิตอกุศลคิดไปในแง่ต่างๆนานา

 

                    บางคนอาจคิดรำพึงรำพันอยู่ในใจคนเดียวว่า ทำไมหนอพระไม่ได้ทำการงานอะไรถึงมีเงินมากมายขนาดนี้ เราเองดิ้นรนทำมาหากินสายตัวแทบขาด กว่าจะได้เงินถึงร้อยบาทก็แทบตาย ทำไมหนอพระจึงได้เงินง่ายๆ มนุษย์เรานี้ดูจะโง่เขลาเบาปัญญาและช่างงมงายแท้ๆ


                   การมีทรัพย์สินเงินของหลวงปู่ครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณทั้งหลาย มีความแตกต่างกันมากกับการมีเงินของพวกเราปุถุชน การมีเงินทองของพวกเรา แสวงหาได้มาก็เพื่อเลี้ยงตัวและเลี้ยงครอบครัวของเราเท่านั้น จะทำบุญบ้างก็เป็นเศษเงินเต็มที บริจาคได้อย่างมากก็ไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนพัน  นอกนั้นล้วนตระหนี่หวงแหนไว้สุดกำลังสุดชีวิตจิตใจ


                    ส่วนการมีปัจจัยเงินทองของหลวงปู่ครูบาอาจารย์ผู้จิตบริสุทธิ์นั้น ท่านรับเพื่อเป็นการ "ฉลองศรัทธา" และเป็นเนื้อนาบุญให้แก่ผู้ปรารถนาจะเปลี่ยนโลกียทรัพย์เพื่อให้เป็น "อริยทรัพย์" อันจะติดไว้ในจิตใจของตนข้ามภพข้ามชาติ นี้คือมิติทางจิตใจที่ต่างกันมาก


                    เปรียบเหมือนคนหอบเอาเงินสดเป็นร้อยกระสอบ ไปแลกเป็นเช็คหรือเป็นดราฟต์หนึ่งใบเล็กๆติดตัวใส่กระเป๋าไว้ แต่สำหรับอริยทรัพย์ภายในเป็นสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้งและสูงค่าเกินว่านั้น เพราะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ติดอยู่ในหัวใจของบุคคลนั้นเมื่อร่างกายแตกดับไปสู่โลกหน้า และปัจจัยเงินทองที่หลวงปู่ครูบาอาจารย์ท่านรับมา ก็เป็นทรัพย์สมบัติของพระพุทธศาสนา ท่านมิได้มีจิตน้อมมาเป็นทรัพย์สินส่วนตัวเหมือนปุถุชนหรือคนอย่างเราแต่อย่างใด


                    การทำบุญกับพระอริยสงฆ์กับการทำบุญกับปุถุชนจึงได้ผลต่างกันมาก เพราะพระอริยสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยมของชาวโลก เปรียบเทียบพอให้เข้าใจง่ายๆว่า เหมือนคนทำนาบนที่ดอนหรือเต็มไปด้วยวัชพืช หว่านข้าวลงไปในเนื้อที่ ๑๐๐ ไร่ อาจได้ผลผลิตข้าวเปลือกแค่ ๑๐๐ ถัง แต่สำหรับเนื้อนาที่มีดินดีและเป็นผืนนาที่ยอดเยี่ยม หว่านข้าวไปเพียง ๑ ไร่ แต่ได้ข้าวเปลือกถึง ๑๐๐ ถัง นี้คือคุณภาพของดินหรือเนื้อนาที่ต่างกัน


                    การทำบุญกับปุถุชนกับการทำบุญกับพระอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป จึงให้ความชุ่มชื่นใจและได้อานิสงส์ต่างกัน นี้แหละคือความหมายของคำสวดที่ว่า "อนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ" พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยมของชาวโลกของผู้ปรารถนาที่จะสร้างบุญ ดังนั้น ในการทำบุญทุกครั้งท่านจึงให้น้อมใจถึงเหล่าพระอริยสงฆ์ ใจจะได้เป็นบุญ


                    สำหรับหลวงปู่ผาดผู้มีดวงจิตบริสุทธิ์สูงส่งยืนอยู่เหนือโลก ดวงจิตของท่านย่อมต่างจากจิตใจของชาวโลกมาก การมีคนเอาเงินมาบริจาคแล้วท่านก็รับของเขาไว้ ท่านก็คงวางๆหรือซุกๆไว้ตรงไหนเหมือนซุกหนังสือซักเล่ม บางทีท่านก็ลืมไปแล้วว่ามีเงินเป็นล้านอย่างที่คนชาวบ้านมักจะตื่นเต้นกัน เงิน ๗ ล้านที่พบในกุฏินั้น สำหรับท่านก็คือเศษกระดาษดีๆนี่เอง


                    จิตของหลวงปู่ครูบาอาจารย์ระดับนี้ท่านเรียกว่า "รูปาวจรจิต" จะมีความแตกต่างกันมากกับชาวโลกที่มี "กามาวจรจิต"เป็นพื้นนิสัย จิตของท่านจะยืนอยู่เหนือโลกและมักทรงฌานอยู่เป็นปกติ เป็นจิตของพรหมที่ไม่ให้คุณค่าต่อปัจจัยเงินทองแต่อย่างใด พลังจิตอันศักดิ์สิทธิ์นั้นไซร้ ทำให้เมื่อท่านอธิษฐานจิตลงในพระเครื่องหรือวัตถุใดจึงเกิดความศักดิ์สิทธิ์ตามมา


                    ยิ่งหากเป็นรูปาวจรจิตที่ประกอบโลกุตตรจิตอยู่ด้วย จิตนั้นจะมีทั้งความเมตตาเกื้อกูลและความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในนั้นอย่างสมบูรณ์อีกด้วย อันได้แก่พระภิกษุหรือผู้ได้ฌานสมาบัติพร้อมทั้งเป็นพระอริยบุคคล จิตของท่านย่อมยืนอยู่พ้นโลก แม้เมตตาเกื้อกูลมหาชนแต่จะไม่ยึดติดในลาภสักการะหรือปัจจัยเงินทองเหมือนกับพระปุถุชนหรือผู้คนธรรมดาทั่วไป


                     หลวงปู่ผาดผู้เป็นเนื้อนาบุญแห่งอีสานใต้ ท่านก็สูงส่งและประเสริฐเช่นนั้น พลังแห่งเมตตาของท่าน แม้รักความสันโดษแต่ผู้คนก็พยายามยัดเยียดตำแหน่งเจ้าอาวาสให้ ไม่อยากสร้างวัตถุมงคลแต่ผู้คนก็ขอร้องให้ทำขึ้นเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ จนสุดท้ายผู้คนก็หลั่งไหลไปบูชาสักการะกราบไหว้ นี้คือนักบุญแห่งอีสานใต้ผู้ยิ่งใหญ่สมกับเป็นพุทธสาวกโดยแท้


                     ในยามที่พระศาสนากำลังทรุดโทรมเพราะปุถุชนทำให้เสื่อม ครูบาอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาที่ซ่อนตัวอยู่กับชาวบ้านชนบทบ้านนอกเมื่อจะละทิ้งสังขารไป ท่านก็แสดงปาฏิหาริย์ไว้เป็นการดำรงศรัทธา เพื่อประกาศความเป็นของจริงและความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนา


                    บางองค์บางท่านก็อธิษฐานให้ร่างกายไม่เน่าเปื่อยผุพังไปตามกาลเวลา บางท่านบางองค์ชำนาญใน "นีลกสิณ"ในยามมีชีวิตอยู่ คือเคยใช้กสิณสีเขียวเพื่อใช้กำบังกายหลีกเร้นผู้คนและสังคมตลอดมา ร่างของท่านอาจกลายเป็นมรกตงดงามตา เมื่อถึงเวลาจะให้ประจักษ์แก่สายตาของมหาชนหลังจากละสังขารไป


                    ในยามใดที่ใจหมองเศร้า ปัญหาชีวิตรุมเร้า ขอให้พวกเราผู้มีบุญเก่าตั้งแต่อดีตชาติสั่งสมมา จงน้อมจิตถึงองค์คุณของปวงเหล่าพระอริยเจ้าทั้งปวงประทับไว้ในดวงใจ เคราะห์กรรมและปัญหาทั้งปวงจะคลี่คลาย ความสดใสในชีวิตจะกลับคืนมา


                              นะโม วิมุตตานัง ขอนอบน้อมแด่ปวงเหล่าผู้ที่หลุดพ้นไปแล้ว


                              นะโม วิมุตติยา ขอนอบน้อมต่อธรรมอันนำไปสู่ความหลุดพ้น


                    ขอทุกคนจงมีส่วนแห่งการได้เห็นธรรมบรรลุธรรม ตามอย่างพระอรหันต์ทั้งปวงผู้ปล่อยวางความทุกข์ทั้งปวงได้ตลอดสาย เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพานธาตุ ปราศจากทั้งกิเลสทั้งธาตุสังขารร่างกาย ผู้พ้นแล้วจากเครื่องร้อยรัดทั้งหลาย จนกว่าทุกคนทุกท่านจะบรรลุแดนเกษม มีดวงจิตยืนอยู่เหนือโลก เข้าสู่พระนิพพานในกาลอันควรด้วยเทอญฯ

 

 

                                                                          คุรุอตีศะ
                                                                  ๑๘ มกราคม ๒๕๕๘