ปรารภธรรม:สงครามที่ไม่มีผู้ชนะ

 สงครามที่ไม่มีผู้ชนะ

 

 



                    เขาและเธอต่างอยู่ท่ามกลางความรักมาตั้งแต่ต้น ทั้งสองคนได้มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ท่ามกลางสักขีพยานอันมากมาย เขาและเธอเริ่มต้นด้วยความรัก โดยไม่เคยมีความคิดว่าใครต้องอยู่เหนือใคร ไม่ต้องการอำนาจหรือชัยชนะใด ขอเพียงได้อยู่ใกล้และได้ใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน


                    ต่อมาเขาและเธอได้วิ่งตามสังคมและมุ่งการแสวงหาวัตถุเงินทอง แล้วทอดทิ้งความรักไว้เบื้องหลัง จากแต่ก่อนมีหัวใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ต่อมาต่างฝ่ายต่างต้องการให้อีกฝ่ายตกเป็นทาส แล้วเอาความต้องการของตนเป็นใหญ่ ฝ่ายชายก็ต้องการให้ฝ่ายหญิงเป็นทาสที่ซื่อสัตย์คอยตามใจ ฝ่ายหญิงก็ต้องการความเป็นใหญ่และสามารถออกคำสั่งซ้ายหันขวาหันได้อย่างใจ สงครามเย็นระหว่างคนทั้งสองจึงตั้งเค้านับแต่นั้นมา


                    ปัญหาชีวิตของหญิงชาย เกิดจากการที่อีกฝ่ายไม่ยอมเป็นทาสตามความต้องการอีกฝ่ายหนึ่ง ปัญหาชีวิตจะจบลงโดยง่ายก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายยอมเป็นทาสอีกฝ่ายหนึ่งเสีย


                    ผู้ชายที่เป็นคนดีส่วนมาก เมื่อรู้สถานะและซาบซึ้งในชะตากรรมตัวเองชัดเจนแล้วจึงตัดสินใจยอมเป็นทาสของเมีย เพราะเขาได้ศึกษาและแตกฉานในวิชานิรุกติศาสตร์มาอย่างดี ด้วยการตีความคำว่า “เจ้าบ่าว” เมื่อคราวเข้าพิธีแต่งงานว่า หน้าที่อันแท้จริงนับตั้งแต่นี้คือ “การเป็นทาสรับใช้ผู้ยิ่งใหญ่ของลูกเมีย” หาใช่ทาสของบิดามารดาหรือเป็นทาสของใคร


                    ผู้ชายที่แต่งงานแล้วหรือที่กำลังคิดจะแต่งงาน ขอจงศึกษาคำว่า เจ้าบ่าว” ให้แตกฉานตามหลักนิรุกติศาสตร์ข้อนี้ไว้ เมื่อแต่งงานแล้วจะได้ทำหน้าที่ความเป็นบ่าวผู้ยิ่งใหญ่อย่างมิให้ขาดตกบกพร่องและถนอมน้ำใจของเจ้านาย อย่าให้ “เจ้าสาว” ซึ่งแปลว่า “เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่” ต้องขัดอกขัดใจ นั่นจึงจะชื่อว่า เป็นบ่าวผู้ยิ่งใหญ่ที่นายจะได้มีแก่ใจมอบรางวัลตามสมควรให้ตามแต่ใจของเธอจะเมตตา


                    แต่การณ์มักกลับปรากฏภายหลังในเวลาต่อมาว่า บ่าวผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายมักผิดต่อคำมั่นสัญญานั้นแทบทั้งสิ้น จากแต่ก่อนเจ้าสาวมักได้ยินคำพร่ำรำพันของเจ้าบ่าวเป็นอาจิณ ว่าจะยอมเป็นทาสเธอในทุกสิ่งขอเพียงอย่างเดียวคือขอให้เธอยอมเป็นนายหัวใจ


                    หลังจากนั้นเป็นต้นมาปัญหาชีวิตก็เริ่มเกิด เพราะฝ่ายเจ้าสาวเป็นผู้ยึดมั่นในคำมั่นสัญญาอย่างเคร่งครัดว่าจะทำหน้าที่เป็นเจ้านายอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่เจ้าบ่าวนั่นสิช่างกระไรปฏิบัติตามสัญญาได้เพียงไม่นานก็ชักจะไม่ยอมเป็นทาสตามที่สัญญาไว้แต่อย่างใด ทาสผู้ซื่อสัตย์ที่ผู้เป็นนายเคยไว้วางใจ กลับสั่งให้ซ้ายหันขวาหันก็ไม่ค่อยได้ “เหม่ๆ เจ้าทาสผู้ทรยศ!”


                    ผู้ชายที่มีปัญญาและรักผู้หญิงอย่างจริงใจ มักจะไม่ค่อยยอมให้คำมั่นสัญญาใดแก่ผู้หญิงที่เขารักแต่โดยง่าย เพราะเขารู้สึกว่าต้องรับผิดชอบต่อคำพูดของเขา แต่ผู้หญิงแทบทั้งหมดกลับชอบผู้ชายที่เที่ยวแสดงคารมว่าจะเป็นทาสรับใช้อย่างนั้นอย่างนี้เรื่อยไป สตรีในโลกส่วนใหญ่จึงมักได้ “ทาสผู้ทรยศ” มาเป็นมิ่งขวัญของชีวิตและผิดหวังต่อตัวทาสแทบทุกราย


                    สงครามระหว่างทาสกับผู้เป็นนายประเภทนี้ ตามประวัติที่เล่าขานกันมา ท่านว่าได้มีการรบกันเรื่อยมาตั้งแต่มีเจ้าบ่าว เจ้าสาว คู่แรกเกิดขึ้นในโลก ผู้หญิงพยายามจะบังคับให้ผู้ชายเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์เหมือนเดิมเหมือนตอนที่เขามาอ้อนวอนขอเป็นทาสเธอใหม่ๆ


                    ส่วนผู้ชายนั้นกว่าจะรู้ตัวว่า ตัวเองนั้นแท้จริงแล้วไม่เคยปรารถนาจะเป็นทาสของใคร ก็ต้องมาในอยู่คุกรั้วสีชมพูที่ดูภายนอกสดใส แต่ข้างในนั้นนักโทษและผู้คุมต่างคอยจ้องแต่จะรบกันและคอยเล่นเกมการเมืองชิงไหวชิงพริบกันตลอดเวลา


                    ฝ่ายผู้คุมก็พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อบังคับนักโทษให้อยู่ในอำนาจ ส่วนนักโทษก็พยายามต่อสู้ขัดขืนทุกวิถีทางเพื่อความมีอิสระ นี้คือที่มาของคำว่า “คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า” อันเป็นปริศนาธรรมของผู้ที่เคยอยู่ในคุกรั้วสีชมพู พยายามจะบอกความในใจให้แก่คนที่อยากจะเข้าไปอยู่ข้างในเหมือนที่ตนเคยอยู่ แต่โลกใบนี้มักมีความแปลกประหลาดก็ตรงที่ว่า ผู้ที่ยืนอยู่ข้างนอกที่อยากเข้าไปส่วนใหญ่นั้น ยิ่งมีคำปริศนา ก็เหมือนยิ่งยุ ดังนั้น คุกชนิดนี้จึงมีเสน่ห์ให้คนเข้าไปชมไม่เคยว่างเว้นเรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน


                    สงครามอย่างนี้นักปราชญ์ท่านกล่าวว่า เป็นสงครามที่ไม่มีผู้ชนะ ยิ่งต่อสู้กันมากเพียงใด ก็มีแต่ประสบความย่อยยับและแพ้พ่ายด้วยกันทั้งคู่


                    จงอะลุ้มอล่วยและถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน อย่าพยายามบีบคั้นกันมากเกินไป นายผู้ยิ่งใหญ่จงเอาน้ำเย็นเข้าลูบแล้วพูดจาด้วยถ้อยคำอ่อนหวานซาบซึ้งใจ ไม่นานทาสผู้ยิ่งใหญ่จะคิดถึงนายผู้เคยใจดีมีเมตตาวาจาอ่อนหวาน แล้วยินดีกลับมาตายรังแล้วยอมเป็นทาสตามเดิม


                    เส้นทางอันประเสริฐของชีวิต ก็คือการยุติความเป็นนายเป็นทาสเสียแต่วันนี้ จงมีสติระลึกรู้เข้าสู่ความสงบภายใน ตั้งจิตที่ดีงามเมตตาและให้อภัย ไม่มีการคิดที่จะเอาชนะใคร ไม่มีการต่อสู้แย่งชิงความเป็นใหญ่ต่อกันอีกแล้ว


                    แต่เดิมมาเราเริ่มต้นด้วยความรักความเมตตาต่อกัน มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เราไม่เคยคิดว่าใครจะเหนือกว่าใคร ไม่เคยคิดจะควบคุมบังคับใคร นั่นคือจุดเริ่มต้นอันงดงามและสูงส่งที่เราหลงลืมไป จนกลายมาเป็นศัตรูคอยจ้องจะต่อสู้กันตั้งแต่ตอนไหน ตอนนี้ก็แทบนึกไม่ออกแล้ว


                    จงยุติสงครามที่ไม่มีผู้ชนะเสียแต่วันนี้ เอาความรักความหวังดีและหัวใจอันงดงามกลับคืนมาสู่ชีวิตของเรา ดังที่เคยมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมตอนรักกันใหม่ๆ


                    เราจะเดินไปด้วยกันอย่างภาคภูมิโดยไม่มีใครชนะใคร เพราะแท้จริงแล้วความรักต่างหากคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ที่หัวใจของเราทั้งสองจักครองชัยชนะร่วมกัน

 

 

                                                                                คุรุอตีศะ
                                                                          ๑๔ มกราคม ๒๕๕๘